.@. กลอนบทละคร ๒. กลอบเพลงยาว ๑. กลอนนิราค .๕- กลอนตอกสร้อย
๑๕ ข้อใดเป็นจุตมุ่งหมายในการแต่งอิศรญาณภาษิต ปร
๑. เพื่อใช้เป็นข้อคิดเดือนใจในการประพฤติปฏิบัติตนของคนในสังคม
๒. เพื่อประชดประชันบุคคลที่เคยว่ากล่าวให้ร้ายผู้แต่ง
๓ เพื่อบันทึกเหตุการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยในอดีต
๕ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการควบคุมความประพฤติของคนไทยโนอดีต.
| 9เการบญาทจต.
๑. พรรณนาโวหาร และเทศนาโวหาร .๒. บรรยายโวหาร และพรรณนาโวหาร
๓. เทศนาโวหาร และอุปมาโวหาร .๕. สาธกโวหาร และอุปมาโวหาร
๑๕. ข้อใดสอนให้ทนลําบาก ให้หมั่นขวนขวายหาความรู้
๑. ต้องว่องไวในทํานองคล่องท่าทาง .ตบหัวผางเดียวม้วนจึงควรล้อ.
๒. เอาหลังตากแดดเป็นนิจคิดคํานวณ. รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ
๓. เห็นเต็มตาแล้วอย่าอยากทําปากบอน ตรองเสียก่อนจึงค่อยทํากรรมทั้งมวล
๕ สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล เป็นขายชาญอย่าเพ่อคาตประมาทขาย
ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน” สุภาษิตบทนี้ สอนอะไร
๒๐. “เกิดเป็นคนเชิงดูให้รูเท่า
๑. สอนให้รูเท่าทันเส่ห์เหลี่ยมของคนอื่น
,, สอนให้มีวิจารณญาณในการตัดสินคน
สอนให้เข้าวัดเข้าวารับพระธรรมเทศนามาสอนใจตนเอง
สอนให้พิจารณาข้อบกพร่องของตนเอง เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไข
๒.
๕
น้้าตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา.
ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน”
อิศรญาณภาษิต : หม่อมเจ้าอิศรญาณ
“อย่าดูถูกบุญกรรมว่าทําน้อย
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
คําประพันธ์ข้างต้นใช้สํานวนในข้อใดแทนคํากล่าวนีได้
๑. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ๒. นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น
๓. นอนสูงนอนคว่า นอนดํานอนหงาย ๕ . รู้ไว้ไช่ว่า ใส่บําแบกหาม