Thai
高校生

ช่วยคิดการเขียนเรียงความให้หน่อยได้ไหมคะ เกี่ยวกับโลกสาธารณะ ช่วยเกริ่นๆให้หน่อยก็ได้ค่ะ เรียบเรียงอะไรไม่ถูกเลยค่ะ มีตัวอย่างให้ดูค่ะๆ ช่วยหน่อยนะคะะ เกริ่นๆมาให้ก็ค่ะะ 🥺😭🙏

การเขียนเรียงความเกี่ยวกับการมีจิตสาธารณะ สาธารณะเป็นสภาพความเป็นไปหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคล สังคม และ การเขียนเรียงความเกี่ยวกับการมีจิตสาธารณะจึงมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ สิ่งแวดล้อม เอาใจใส่ และคำนึงถึงส่วนรวมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เนื้อหาในการเขียนเรียงความเกี่ยวกับ การมีจิตสาธารณะ มีทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรม เช่น เกี่ยวกับปัจจัยการดำรงชีวิต ได้แก่ อาหาร เครื่องแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค พฤติกรรมของมนุษย์ สถานที่สาธารณะ การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ต่าง ๆ สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ความดี ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ การเขียนเรียงความเกี่ยวกับการมีจิตสาธารณะควรใช้ความคิดกำหนดใจความหรือหัวข้อเรื่อง ตามความรู้ ทรรศนะ จินตนาการ และประสบการณ์ ถ้าได้มีโอกาสเขียนและฝึกฝนจนเกิดทักษะ ก็จะช่วยพัฒนาด้านการเขียนได้เป็นอย่างดี ตัวอย่าง ลูกป่า บนโลกกลม ๆ ใบนี้ ท่านคิดว่าแปลกหรือไม่ ที่ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาเพื่อ สร้างความสมดุลให้กับโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนถูกจัดวางไว้อย่างมืออาชีพ ต้นไม้ใบหญ้า ธารน้ำ สิ่งเหล่านี้สร้างความสวยงามให้บังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ทีมีมนุษย์อาศัยอยู่ ด้วยปัจจัยหลักที่ธรรมชาติ เป็นผู้รังสรรค์ขึ้น มนุษย์สามารถดำรงชีวิตสืบทอดเผ่าพันธุ์ได้เพราะมีธรรมชาติคอยเกื้อหนุน แต่ด้วยเหตุใดเล่าเรื่องที่น่าเศร้าจึงบังเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์ผู้ที่ได้รับแต่ผลประโยชน์จากธรรมชาติ กลับคิดที่จะทำลายธรรมชาติผู้ซึ่งเป็นผู้ให้เสียเอง หากกล่าวถึงคำว่า ธรรมชาติ แล้ว ก็คงไม่พ้นที่จะนึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คอยประคับประคองความสมดุลของโลกให้คงอยู่ ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่คุ้นเคย กับธรรมชาติอยู่มาก ทุกครั้งที่มีโอกาสในวันหยุด ฉันจะเดินทางเข้าป่าไปสัมผัสไออุ่นแห่งอ้อมกอด ของป่า ป่าให้ทุกอย่างแก่สรรพชีวิต ครั้งหนึ่งในวันหยุดฉันได้เดินทางไปยังยอดดอยที่สูงที่สุด ของประเทศไทย ณ ผืนดินที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นมาให้มีที่ราบสลับกับหุบเขา มีพื้นที่ความสูงต่ำ เหลื่อมล้ำกัน เหมือนเป็นฉากม่านแห่งธรรมชาติ ในเวลาใกล้ค่ำ ยามที่พระอาทิตย์ทอแสงสุดท้าย ของวันส่องลอดมายังฉากม่านนั้น และในยามเช้าที่แสงแห่งพระอาทิตย์เริ่มสาดแสงของวันใหม่ ประดุจมีจิตรกรนำสีทองมาทาทาบฉาบไปทั่วท้องฟ้า สร้างความสดใสให้กับแมกไม้ใบหญ้า คราใด ที่มีลมพัดยอดหญ้าไหวเอน ยอดไม้ตามกระแสลม ช่างเหมือนพวกมันวิ่งเล่นหยอกเย้ากัน บ้างก็เต้นระบำไปตามจังหวะของสายลม บ้างก็ร้องเพลงไปตามทำนองของกระแสน้ำในธารที่ไหลซานซ่า
ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นความงามที่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ พื้นที่ที่เรา เรียกว่า ป่า นั่นเอง ป่า นอกจากจะให้ความสวยงาม ให้ความสุขทางใจแก่มนุษย์แล้ว ป่ายังให้สิ่งต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวย ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ นั่นคือ ป่าให้ปัจจัยสี่ ทั้งที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ยารักษาโรค นับตั้งแต่บรรพกาล สมัยที่เทคโนโลยียังไม่ได้เข้าสู่สังคมมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยให้มนุษย์ดำรง ชีวิตอยู่และสืบทอดเผ่าพันธุ์ไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน ล้วนได้มาจากป่าไม้ทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งขณะนี้ ที่ความเจริญของเทคโนโลยีมีเข้ามาในสังคม ดูเหมือนคุณค่าของป่าไม้จะลบเลือนไป แต่ก็เป็นเพียง แค่ความคิดของคนที่อยู่ในสังคมเมืองเท่านั้น เพราะในสังคมของชาวชนบทแล้ว ป่าของพวกเขายัง เป็นบ้าน เป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ป่ายังเป็นผู้ให้สำหรับพวกเขาอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งที่ฉัน ขับรถผ่านไปตามถนนที่สองข้างทางล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ฝั่งหนึ่งเป็นแนวเขาที่ลาดชัน อีกฝั่งหนึ่งเป็นหุบเขาที่เขียวขจี ฉันมักจะเปิดกระจกรถเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ของธรรมชาติอย่าง เต็มปอด เพื่อฟอกอากาศเสียที่สูดหายใจเข้าไปเมื่อครั้งที่อยู่ในเมืองใหญ่ออกไปบ้าง ขณะเดียวกันนั้น สายตาของฉันก็ทอดยาว มองออกไปยังข้างทางที่มักจะมีเพิงเล็ก ๆ สำหรับวางสินค้าที่ได้มาจากป่า เช่น หน่อไม้ เห็ดต่าง ๆ วางขายเรียงรายตามเพิ่งสองข้างทาง สำหรับผู้ที่ผ่านไปมาแวะลงมาจับจ่าย ใช้สอย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่มีความผูกพันอยู่กับป่า ป่าที่เป็นผู้ให้นั่นเอง และเหนือสิ่งอื่นใด ป่าเป็นผู้สร้างความสมดุลให้บังเกิดขึ้นบนโลกนี้ ป่าเป็นผู้สร้างจุดเล็ก ๆ เพื่อ เลี้ยงชีพคนมหาศาล จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่าในป่าลึกบนเขาอันไกลโพ้นจะมีตาน้ำตาเล็ก ๆ ผุดขึ้นมา ต้นไม้ทุกต้นคอยชะลอความรุนแรง เพื่อกลายเป็นแม่น้ำใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตคนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ของน้ำ เมื่อเกิดอุทกภัย ไม่ให้น้ำสร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์ สิ่งเหล่านี้พอเพียงหรือยังที่จะมองเห็น คุณค่าของป่าไม้ ป่าผู้ไม่เคยทำร้ายใคร แต่ด้วยเหตุใดเล่า มนุษย์ผู้ได้รับผลประโยชน์จากป่า จึงเป็น ผู้ลงมือทําลายผู้ให้ด้วยใจประเสริฐ ด้วยมือของตนเอง นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่มนุษย์มอบให้กับป่าไม้ นํ้าตาป่าไหลนองบ่ากลายเป็นอุทกภัยที่ทําลายบ้านเรือน ทําลายมนุษย์ สิ่งที่ทำให้เห็นถึงสัจธรรมข้อหนึ่ง นั่นคือ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง เมื่อมนุษย์อกตัญญูกับป่าไม้ ทำลายป่าไม้ สุดท้าย มนุษย์นั่นเองที่จะเป็นผู้รับผลกรรมที่กระทำไว้ ป่าไม้มีแต่คุณประโยชน์ที่มอบให้กับมนุษย์ ขอเพียงมนุษย์เหลียวแลป่าไม้สักนิด ป่าไม้ เปรียบเหมือนบุพการีผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา เราควรกตัญญู รักษา หวงแหนไว้ เพื่อลูกเพื่อหลาน ของเราในอนาคตจะยังได้เห็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ได้เป็นลูกของป่าที่ภาคภูมิใจ ฐิติยาพร พิภาค
เรียงความ
PromotionBanner

回答

ร่างเป็นแมพก่อนก็ได้ค่ะ โลกสาธารณะของเราจะเขียนประเด็นไหนบ้าง พอเราได้เนื้อหาหลัก เราจะได้เริ่มเกริ่นได้ค่ะ

この回答にコメントする
疑問は解決しましたか?