ชั้นปี

วิชา

ชนิดของคำถาม

เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ช่วยสรุป แล้วก็ทำเป็นข้อๆให้หน่อยได้มั้ยคะ🙏🏻

dtac-T.Better Together 13:36 บทบัญญัติที่ 4 : คนตอบสนอ cdn.fbsbx.com 4 44%E เรียบร้อย สนองต่อสิ่งจูงใจ เนื่องจากคนตัดสินใจโดยเปรียบเทียบต้นทุนและผลประโยชน์ ดังนั้น พฤติกรรมของคนจึงเปลี่ยนเมื่อ โครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์เปลี่ยนไป นั่นคือ คนตอบสนองต่อสิ่งจูงใจ นั่นเอง เมื่อราคาแอปเปิลสูงขึ้น คนก็ตัดสินใจซื้อลูกแพร์มากขึ้น ซื้อแอปเปิลน้อยลง เพราะต้นทุนในการได้มาซึ่งแอปเปิลสูงขึ้น ใน ขณะเดียวกัน ชาวสวนแอปเปิลตัดสินใจจ้างคนงานมากขึ้น และปลูกแอปเปิลมากขึ้น เนื่องจาก ผลประโยชน์ จากการขายแอปเปิลสูงขึ้น บทบาทหลักของสิ่งจูงใจในการกำหนดพฤติกรรมมีความสำคัญสำหรับการออกแบบ นโยบายของรัฐ(Public Policy) นโยบายของรัฐมักเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์ของกิจกรรม ภาคเอกชน เมื่อผู้กำหนดนโยบายล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แสดงว่านโยบายรัฐอาจก่อให้เกิดผลที่ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ตัวอย่างของผลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากนโยบายของรัฐ เช่น นโยบายว่าด้วยเข็มขัด นิรภัยและระบบป้องกันความปลอดภัยรถยนต์ ในทศวรรษ 1950 รถที่มีเข็มขัดนิรภัยมีจํานวนน้อย ต่างจากใน ปัจจุบันที่รถทุกคันล้วนมีเข็มขัดนิรภัย เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงก็เพราะ "นโยบายของรัฐ" นั่นเอง ในช่วง ปลายทศวรรษ 1960 หนังสือของ Ralph Nader ที่ชื่อ “Unsafe at Any Speed” ก่อให้เกิดกระแสเกี่ยวกับความ ปลอดภัยของรถยนต์ รัฐสภาสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องสร้างอุปกรณ์รักษาความ ส่ ปลอดภัย ซึ่งหมายถึงรถทุกคันต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างเข็มขัดนิรภัยด้วย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยกระทบ ความปลอดภัยของรถยนต์อย่างไร ? ผลทางตรงในเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้ามีเข็มขัดนิรภัยในรถทุกคัน คนก็คาด เข็มขัดนิรภัยกันมากขึ้น และโอกาสที่จะรอดจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่มีมากขึ้น ในแง่นี้ เข็มขัดนิรภัยช่วยรักษาชีวิต ผลดีทางตรงด้านความปลอดภัยนี้จูงใจให้รัฐสภาออกกฎหมายดังกล่าว แต่การทำความเข้าใจผลทั้งหมดของ กฎหมายต้องตระหนักว่า คนเปลี่ยนพฤติกรรมโดยตอบสนองสิ่งจูงใจที่เขาเผชิญอยู่ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องใน กรณีนี้คือการขับรถเร็วและความระมัดระวังในการขับรถ การขับรถช้าและระมัดระวังมีต้นทุนเพราะสิ้นเปลือง เวลาและพลังงาน เมื่อผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลตัดสินใจว่าจะขับรถอย่างปลอดภัยเพียงใด ก็จะเปรียบเทียบ ผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการขับรถอย่างปลอดภัยกับต้นทุนส่วนเพิ่ม เขาจะขับรถช้าและระมัดระวังเมื่อ ผลประโยชน์จากการเพิ่มความปลอดภัยสูงกว่า นี่เป็นการอธิบายว่าทำไมคนถึงขับรถช้าและระมัดระวังขณะ ถนนลื่นมากกว่าสภาพถนนปกติ หากเราพิจารณาว่าการออกกฎหมายให้คาดเข็มขัดนิรภัยเปลี่ยนแปลงการ คำนวณต้นทุนและผลประโยชน์ของผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลอย่างไร ? พบว่าเข็มขัดนิรภัยทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุบัติเหตุ มีต้นทุนต่ำลงเพราะการคาดเข็มขัดนิรภัยช่วยลดความน่าจะเป็นในการบาดเจ็บและล้มตาย ดังนั้น เข็มขัดนิรภัย ลดผลประโยชน์จากการขับรถช้าและระมัดระวังลง ผู้ขับขี่ก็ตอบสนองต่อการใช้เข็มขัดนิรภัยโดยขับรถเร็วขึ้น และลดความระมัดระวังในการขับขี่ลง ผลสุดท้าย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยทำให้จำนวนอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น 5 แล้วกฎหมายกระทบจำนวนคนตายจากการขับขี่อย่างไร ? ผู้ขับขี่ที่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจมีโอกาสรอดชีวิตมาก ขึ้นจากอุบัติเหตุแต่ละครั้ง แต่โอกาสเกิดอุบัติเหตุอาจเพิ่มจำนวนมากครั้งขึ้น จำนวนคนตายสุทธิในประเด็นนี้ยัง ไม่ชัดเจน ยิ่งกว่านั้น การที่ผู้ขับขี่เลือกลดความระมัดระวังในการขับขี่ลงส่งผลกระทบทางลบต่อคนเดินถนน (และผู้ขับขี่ที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย) เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุของคนเหล่านี้สูงขึ้นและไม่ได้รับการป้องกัน จากเป็นข้อมกัน ดังนั้น จอมมายว่าด้วยเข็มขัดนิรฉันมีแนวโน้มทำให้จำนวนการตายของคนเดินถนนเพิ่มสูงขึ้น 3

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย

มีใครพอจะรู้จักทฤษฎีของความผุกร่อน ของนักเศรษฐศาสตร์คนนี้ไหมคะ พยายามหาแล้วแต่หาไม่เจอจริงๆ รบกวนหน่อยนะคะ

20:43 อ. 5 ต.ค. * e) (83% hmong.in.th โจเซฟ Schumpeter TIN TAI TRO mgid > ลงขายรถ ได้ราคาดี th. CARRO.co อายุ 60 ปี ลืมไปว่านกเขาไม่กินน้ำ มาดูวิธีผม! ป้องกันความดัน ปวด เป็นไง! ลงขายรถง่ายฟรี ที่ CARRO หัว มือชาด้วยธรรมชาติ 100% Carro Duracore Hapanix โจเซฟ Alois ซัม ( เยอรมัน: [ompete] : 8 กุมภาพันธ์ 1883 - 8 มกราคม 1950) (3)เป็นออสเตรียเศรษฐศาสตร์การเมือง เขาเกิดที่เมืองโมราเวียและ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมัน - ออสเตรียในช่วงสั้น ๆ ในปี พ.ศ. 2462 ในปี พ.ศ. 2475 เขาได้อพยพไปยัง สหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งเขายังคงดำรงตำแหน่งจนกระทั่งสิ้นสุดอาชีพการงานและในปี พ.ศ. 2482ได้รับ สัญชาติอเมริกัน ซัมเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของศตวรรษที่ 20 ต้นและ ความนิยมคำว่า " ทำลายความคิดสร้างสรรค์ " ซึ่งได้รับการประกาศเกียรติคุณ จากเวอร์เนอร์ Sombart [4}[5][6] โจเซฟ Schumpeter ชีวิตในวัยเด็กและการศึกษา ซัมเกิดใน Triesch, เบิร์กส์โมราเวีย (ตอนนี้การลงโทษในสาธารณรัฐเช็กนั้นเป็น ส่วนหนึ่งของออสเตรียฮังการี) ใน 1,883 เพื่อคาทอลิก ที่พูดภาษาเยอรมันพ่อแม่ ทั้งสองยายของเขาเป็นสาธารณรัฐเช็ก(7|schumpeter ไม่ยอมรับเชื้อสายเช็ก ของเขา; เขาคิดว่าตัวเองเชื้อชาติเยอรมัน 7 พ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ เขาเสียชีวิตเมื่อโจเซฟอายุเพียงสี่ขวบ (B)ในปี 1893 โจเซฟและแม่ของเขาย้าย ไปอยู่ที่กรุงเวียนนา 9ใช้มเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของฟรานซ์โจเซฟฉันออสเตรีย (7) หลังจากเข้าเรียนที่Theresianum Schumpeter เริ่มอาชีพของเขาในการเรียน กฎหมายที่มหาวิทยาลัยเวียนนาภายใต้นักทฤษฎีทุนชาวออสเตรียEugen von Bohm-Bawerkจบการศึกษาระดับปริญญาเอกในปี 1906 ในปี 1909 หลังจาก ทัศนศึกษาบางครั้งเขาก็ได้เป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐบาลที่ มหาวิทยาลัย Czernowitzในวันที่ทันสมัยยูเครน ในปี 1911 เขาได้เข้าร่วมมหา เกิด วิทยาลัยกราชซึ่งเขายังคงอยู่จนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 8 กุมภาพันธ์ 2426 Triesch , โมราเวีย , ออสเตรียฮังการี ในปีพ.ศ. 2461 Schumpeter เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการการขัดเกลาทาง สังคมที่จัดตั้งโดยสภาผู้แทนประชาชนในเยอรมนี ในเดือนมีนาคมปี 1919 เขา (ตอนนี้การลงโทษ, สา ธารณรัฐเช็ก)

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0