Senior High
2
ชีววิทยา

[กลางภาค64]ชีวะวิทยา เนื้อเยื่อพืช ม.5

502

7845

0

Have a nice day

Have a nice day

Senior High 2

เนื้อหาจากหนังสือชีวะวิทยา เล่ม 3 บทที่ 9 ตามหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
📌ทำขึ้นเพื่ออ่านทบทวนก่อนสอบกลางภาค เนื้อหาอาจจะเยอะมาก เพราะครูชอบออกทุกอย่าง📌

ノートテキスト

ページ1:

PKART
10:
I Peach u
3) วาสคิวลาร์บันเดิล : พืชใบเลี้ยงคู่ & ใบเลี้ยงเดี่ยวมีหลายกลุ่มเรียงเป็นแนวระนาบเดียว
ตามแนวแผ่นใบ มีขนาดกลุ่มแตกต่างกัน
- ขนาดใหญ่อยู่ที่เส้นกลางใบ & ขนาดเล็กลดหลั่นกันไปอยู่ที่เส้นใบ & เส้นใบย่อย
มิไซเล็มและโฟลเอ็ม
• พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด – พบเซลล์บันเดิลชีท (bundle sheath cell)
ล้อมรอบวาสคิวลาร์บันเดิล เช่น อ้อย ข้าว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด การะเกด
เอพิเดอร์มิสด้านบน
- แพลิเคมีโซฟิลล์
สปองจีมีโซฟิลล์
วาสคิวลาร์บีนเดล
ที่เส้นกลางใบ
มีโซฟิลล์
ช่องอากาศ
เอพิเดอร์มิสด้านล่าง
ปากใบ
เซลล์บันเดิล ท
เอพิเดอร์มิสด้านบน
แพลิเปิดมีโซฟิลล์
สปองจีมีโซฟิลล์
เอพิเดอร์มิสด้านล่าง
ช่องอากาศ
รูป 9.26 โครงสร้างภายในของใบพืชตัดตามขวาง
ก. ใบพืชใบเลี้ยงคู่ (หมอน้อย) ข. ใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (ข้าวโพด) ค. รูปขยายใบหมอน้อย
OPAL

ページ2:

PKART
I Peach u
โครงสร้างภายในของใบตัดตามขวาง มีเนื้อเยื่อ 3 กลุ่ม
1) เอพิเดอร์มิส : มีเซลล์ผิวเซลล์คุมอเซลล์ข้างเคียงเซลล์คุม (subsidiary cell) &
อาจมีขน / ต่อม ผิวนอกมีสารคิวทินเคลือบอยู่ ป้องกันการระเหยของน้ำ
• ใบ (แผ่นแบน) มีเอพิเดอร์มิสบน & ล่าง
•ส่วนใหญ่ปากใบพบมากที่เอพิเดอร์มิสด้านล่าง
ถัดเข้าไปอาจพบช่องอากาศ
2) มีโซฟิลล์ (mesophyll) : อยู่ระหว่างเอพิเดอร์มิสด้านบน & ล่าง
มีเซลล์พาเรงคิมาที่มีคลอโรพลาสต์มาก ทำหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสงในพืชใบเลี้ยงคู่
โดยทั่วไปพบเซลล์ในมีโซฟิลล์รูปร่างแตกต่างกัน 2 แบบ
2.1) แพลิเซดมีโซฟิลล์ (palisade mesophyll) : มักอยู่ติดกับเอพิเดอร์มิสด้านบน
• มีพาเรงคิมารูปร่างยาวเรียงตัวเป็นแถวตั้งฉากกับผิวใบ
โดยผนังเซลล์ด้านบนติดเอพิเดอร์มิสด้านบน
ผนังเซลล์ด้านล่างติดเซลล์ด้านล่าง
ผนังเซลล์ด้านข้างจะไม่สัมผัสกันและมีระยะห่างกันค่อนข้างสม่ำเสมอ
• อาจมี 1 แถว / มากกว่า ภายในเซลล์มีคลอโรพลาสต์หนาแน่นมาก
2.2) สปองจีมีโซฟิลล์ (spongy mesophyll) : อยู่ถัดจากแพลิเซดมีโซฟิลล์
ลงไปจนถึงชั้นเอพิเดอร์มิสด้านล่าง
•เซลล์ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน ช่องว่างระหว่างเซลล์กว้าง
ในพืชบางชนิดเรียงตัวหลวม ๆ ทำให้ช่องว่างระหว่างเซลล์กว้างมาก
จนเห็นเป็นช่องอากาศ
• ภายในเซลล์มีคลอโรพลาสต์หนาแน่น แต่น้อยกว่าแพลิเซคโรฟิลล์
*พืชใบเลี้ยงเดี่ยว แยกแพลิเซดมีโซฟิลล์ กับ สปองจีมีโซฟิลล์ไม่ได้*
*พืชใบเลี้ยงคู่ แยกแพลิเซดมีโซฟิลล์ กับ สปองจีมีโซฟิลล์ได้*
10:
OPAL

ページ3:

10:
I Peach u
โครงสร้างและการเจริญเติบโตของใบ
การเจริญเติบโตของใบ
มีต้นกำเนิดจากใบ/ เริ่มเกิดเ อเยื่อ าหนดใบ ใบเริ่มเกิด เจริญไปเป็นใบอ่อน
ตรงกลางโคนใบเริ่มเกิด จะเนิ่นเซลล์ขนาดเล็กรูปร่างยาวเรียงตัวเป็นแนวยาว
จากล่าตันอ่อนขึ้นไปจนเกือบถึงส่วนปลาย ต่อไปจะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อท่อลำเลียง
จากล่าตีนสู่ใบ ใบอ่อนเจริญเติบโต & เปลี่ยนสภาพเป็นใบที่เจริญเต็มที่ สีเขียวเข้ม
โครงสร้างภายนอกของใบ มี 2 ส่วน
1) ก้านใบ : ด้านหนึ่งติดกับลำตัน / กิ่ง & อีกด้านติดกับแผ่นใบที่ซอกก้านใบมีตาตามซอก
• พืชใบเลี้ยงเดี่ยว : มี /ไม่มีก้านใบ ถ้าแผ่เป็นแผ่น >> คาบใบ เช่น ข้าวโพด กล้วย
2) แผ่นใบ : แผ่เป็นแผ่นแบน พืชแต่ละชนิดมีความหนาและรูปร่างแตกต่างกัน
• ลักษณะแบนของแผ่นใบ - ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวเพื่อรับแสงมาใช้เป็นพลังงาน
ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
- ช่วยในการระบายความร้อน
มีเส้นใบแตกแขนงทั่วแผ่นใบ ตรงกลางแผ่นใบมีเส้นกลางใบเชื่อมต่อกับ
ปลายของก้านใบใบตลอดความยาวของแผ่นใบ เส้นกลางใบเป็นเส้นใบที่ใหญ่สุด
จะมีเส้นใบ & เส้นใบย่อยขนาดใหญ่เล็กเป็นส่วนประกอบของแผ่นใบ
• ใบบางชนิด - พบหูใบ ซึ่งเจริญมาพร้อมกันกับส่วนอื่น & เจริญได้เร็วกว่า
- มีหน้าที่ซุ้ม / ป้องกันส่วนอื่นของใบบนาดยังออนอยู่เอาไว้
~ มีหลายลักษณะเป็นแผ่นคล้ายแผ่นใบเป็นริ้ว ขนาดและสีต่างกัน
*พืชที่พบหูใบ เช่น ชบา โพทะเล ถั่วเขียว กุหลาบ*
แผ่นใบ
ก้านใบ
กาบใบ
หูไป
รูป 9.25 โครงสร้างภายนอกของใบ
ก. ใบพืชใบเลี้ยงคู่ (ชบา) ข. ใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (ข้าวโพด)
OPAL

ページ4:

PKART
I teach U
• เนื้อไม้ : แบ่งได้ 2 ส่วน
1) ไซเล็ม - อายุมากสุดอยู่ในสุดของลาติน ถ้านําตินอายุมากไซเล็ม อายุมาก
จะหยุดลำเลียงน้ำ|เพราะถูกอุดตัน แต่ยังให้ความแข็งแรง & สะสมสารอินทรีย์ต่างๆ
จึงมักเห็นไซเล็มมีสีเข้ม >> แก่นไม้ (heartwood) แข็งแรงกว่าบริเวณอื่น
และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะไซเล็มชั้นถัดมาที่มีอายุมากขึ้นจะกลายเป็นแก่นไม้
2) ไซเล็มรอบนอก สีจางกว่าชั้นใน ลำเลียงน้ำ & ธาตุอาหาร >> กระพี้ไม้ (sapwood)
มีความหนาค่อนข้างคงที่
• การสร้างเนื้อไม้ของพืชบางชนิด : มีได้มากน้อยต่างกันในแต่ละฤดูของรอบ 1 ปี
ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ - มีน้ำอุดมสมบูรณ์ วาสคิวลาร์แคมเบียมจะแบ่งเซลล์
ได้ไซเล็มมาก & ใหญ่ เห็นเป็นแถบสีจาง & กว้าง
- แห้งแล้ง & ขาดแคลนน้ำ วาสคิวลาร์แคมเบียม
จะแบ่งเซลล์ได้ไซเล็มน้อย & เล็ก เห็นเป็นแถบสีเข้ม & แคบ
*ลักษณะดังกล่าว ทำให้เนื้อไม้มีสีจาง & เข้มสลับกัน เห็นเป็นวง > วงปี (annual ring)*
เปลือกไม้
-วาสคิวลาร์แคมเบียม
- กระพี้ไม้ -
“แก่นไม้ เนื้อไม้
รูป 9.24 เนื้อไม้ และเปลือกไม้ของลำต้นพืชที่มีอายุมาก
ก. อ่านตามขวาง
ข. รูปขยายส่วนของวงปี
>>
วงปี
• พืชใบเลี้ยงเดี่ยว : มักไม่มีการเติบโตทุติยภูมิ *ยกเว้นบางชนิด เช่น จันทร์ผา
หมากผู้หมากเมีย ปาล์ม ไผ่ มะพร้าว*
แต่จะมีลักษณะ & ขั้นตอนต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่
0.
OPAL

ページ5:

I Peach u
โครงสร้างภายในของลำาตันระยะที่มีการเติบโตติยภูมิ
พืชใบเลี้ยงคู่ : ลำตัน ขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีการสร้างเนื้อเยื่อถาวรเพิ่ม
จากการแบ่งเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง ได้แก่ วาสคิวลาร์แคมเบียม & คอร์กแคมเบียม
• วาสคิวลาร์แคมเบียม : เปลี่ยนจากเซลล์ที่อยู่ระหว่างไซเล็มปฐมภูมิ & โฟลเอ็มปฐมภูมิ
และเซลล์ระหว่างวาสคิวลาร์บันเดิล 2 กลุ่ม โดยเชื่อมเป็นวง
หน้าที่ – แบ่งเซลล์สร้างไซเล็มทุติยภูมิเข้าในและโฟลเอ็มทุติยภูมิออกนอก
•เซลล์ของไซเล็มทุติยภูมิแข็งแรง & เพิ่มมากขึ้น ดันเนื้อเยื่อที่อยู่ชั้นถัดไปออกนอก
จนเซลล์ของโฟลเอ็มปฐมภูมิไม่แข็งแรงถูกเบียดจนสลายไป / เปลี่ยนสภาพเป็น
เซลล์ที่แข็งแรงขึ้น เช่น ไฟเบอร์
You
can
do
mit!
มัดท่อลาเลียง
- โฟลเอ็มปฐมภูมิ
- โฟลเอ็มทุติยภูมิ
- ไซเล็มทุติยภูมิ
ไซเล็มปฐมภูมิ
10:
วาสคิวลาร์แคมเบียม
.
รูป 9.22 ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ชนิดพืชล้มลุกระยะที่มีการเติบโตทุติยภูมิ
ก. ลำต้นหมดน้อยตัดตามขวาง
ข. รูปขยายเนื้อเยื่อท่อลำเลียงปฐมภูมิและทุติยภูมิ
ค. รูปขยายเนื้อเยื่อห่อลำเลียงทุติยภูมิและวาสคิวลาร์แคมเบียม
- พืชใบเลี้ยงคู่ (ล้มลุก) : เติบโตทุติยภูมิน้อย สร้างเนื้อเยื่อเพิ่มได้น้อย
• พืชใบเลี้ยงคู่ (ไม้ต้น / มีเนื้อไม้) : วาสคิวลาร์แคมเบียมสร้างไซเต็มทุติยภูมิ & โฟลเอ็มทุติยภูมิ
เพิ่มขึ้น โดยจะเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดชีวิต เกิดเนื้อไม้ที่มีลักษณะเฉพาะตามชนิดพืช
ส่วนใหญ่เซลล์ใต้เอพิเดอร์มิสเปลี่ยนเป็นคอร์กแคมเบียม
ทำให้ปริมาณ / ขอบเขตเนื้อเยื่อมากขึ้น,
เพื่อสร้างเมริเดิร์มทดแทน
*เปลือกไม้ - เนื้อเยื่อทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกวาสคิวลาร์แคมเบียม คือ ส่วนของโฟลเอ็ม
เนื้อเยื่อชั้นคอร์เทกซ์ & เนื้อเยื่อเพริเดิร์ม เปลือกไม้มีลักษณะเฉพาะตามชนิดของพืช*
าต้นโมก ดตามขวาง
เพเดิม
-คอ ก
กอร์กแคมเบียม
คอร์เทกซ์ —
โฟลเอ็มทุติยภูมิ
วาสคิวลาร์แคมเบียม-
โซเต็มทุติยภูมิ
เทเทิร์น
ป
รูปขยาย
เปลือกไม้
- เนื้อไม้
เนื้อไม้และเปลือกไม้ของลำต้นโมก
รูป 9.23 ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ชนิดไม้ต้นระยะที่มีการเติบโตทุติยภูมิ
OPAL

ページ6:

I Peach u
โครงสร้างภายในของลำตันระยะที่มีการเปิดตัวปฐมภูมิ
เซลล์มีการเปลี่ยนและเจริญเต็มที่ไปเป็นเนื้อเยื่อถาวร
คล้ายกับราก : ลำต้นอ่อน
ตึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ ได้ดังนี้
1) เอพิเดอร์มิส : เรียงเป็น 1 แถว มีเซลล์ผิว & เซลล์คุม อาจมีขนลักษณะต่างๆ
2) คอร์เทกซ์ : มีเซลล์จำนวนน้อยชั้น อาจเงินชั้นนี้ไม่ชัด
มีพาเรงคิมาเป็นส่วนใหญ่ มักมีคอลเลงคิมา อยู่ติดกับเอพีเดอร์มิสโดยรอบ /
เฉพาะบริเวณที่เป็นเหลี่ยม, สันของลำตัน
• ลำตันพืชระยะอ่อน/พืชลัมลุก : คอร์เทกซ์ มีคลอโรพลาสต์มาก (เห็นลำตันสีเขียว)
3) สตีล : มีบริเวณกว้างมาก แบ่งแยกออกจากคอร์เทกซ์ได้ไม่ชัด
3.1) วาสคิวลาร์บันเดิล
+พืชใบเลี้ยงคู่ (ล้มลุก) - มีหลายกลุ่มเรียงตัวเป็น 1 วง แต่ละกลุ่มมี
ไซเล็มปฐมภูมิอยู่ใน & โฟลเอ็มปฐมภูมิอยู่นอก
+ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว – กระจัดกระจายอยู่ทั่วเนื้อเยื่อพื้น
-
เห็นขอบเขตของพิธและคอร์เทกซ์ไม่ชัด
แต่ละมัดมีเวสเซลล์เมมเบอร์ ขนาดใหญ่พิเศษ 2-3 เซลล์อยู่ในไซเล็ม
& อาจมีไฟเบอร์ล้อมรอบเพื่อป้องกัน / สร้างความแข็งแรงให้วาสคิวลาร์บันเดิล
3.2) พิธ : ตรงกลางลำตัน มีเซลล์พาเรงคิมา สะสมแป้ง / สารต่างๆ
• พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด – วาสคิวลาร์บันเดิลกระจัดกระจาย แยกพิธได้ไม่ชัด
-พืชใบเลี้ยงคู่ - เนินพิธได้ชัด
10:
วาสคิวลาร์บินเคิล
-Iwould
– ไซเลีย
วาสคิวลาร์บันเดิล
* เอพิเดอร์มิส
คอร์เทกซ์
**โฟลเอ็มปฐมภูมิ 7
พาเรงคิมาในคอร์เทกซ์
สตีล ไม่เต็มปฐมภูมิ -
พาเรงคิมาในพิธ
เวสเซลเมมเบอร์
ล่าต้นข้าวโพด
รูป 9.21 ลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตัดตามขวางในระยะการเติบโตปฐมภูมิ
แสดงวาสคิวลาร์บันเดิลเรียงกระจายทั่วไปและรูปขยายวาสคิวลาร์บันเดิล
ล่าต้นถั่วเขียว
รูปขยาย
รูปขยาย
คอร์เทกซ์
- เอพิเดอร์มิล
- วาสคิวลาร์บันเดิล
เอพิเดอร์มิส
คอร์เทกซ์
OPAL
ลานหมอน้อย
โฟลเอ็มปฐมภูมิ
ไซเล็มปฐมภูมิ
รูปขยาย
รูป 9.20 ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ตัดตามขวางในระยะการเติบโตปฐมภูมิ
แสดงวาสคิวลาร์บันเดิลเรียงเป็นวงและรูปขยายวาสคิวลาร์บินเติล

ページ7:

PKART
0.
I Reach U
โครงสร้างและการเจริญเติบโตของลำาตัน
โครงสร้างภายในของปลายยอดตัดตามยาว
1) เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด : เซลล์ที่พัฒนาไปตามลำต้น ใบ & ตาตามซอก
โดยปกติตาตามซอกจะเจริญไปเป็นกึ่ง
2) ใบเริ่มเกิด / เนื้อเยื่อกำเนิดใบ : ด้านข้างที่เป็นขอบของความโค้ง
• เรียงใบ แบบตรงข้ามจะเห็นใบเริ่มเกิดอยู่สองข้าง
• เรียงใบ แบบสลับใบเริ่มเกิดจะมีข้างเดียว
• ใบเริ่มเกิดจะเจริญไปเป็นใบอ่อน บริเวณตรงกลางของโคนใบเริ่มเกิด
จะเห็นเซลล์ขนาดเล็กรูปร่างยาวเรียงตัวเป็นแนวยาวตามลำตันอ่อน
จนเกือบถึงส่วนปลายจะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อท่อลาเลียงจากสานใบ
3) ใบอ่อน: เซลล์ยังมีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงสภาพต่อได้
เพื่อเพิ่มความหนาและขนาดของใบ ระยะนี้จะยังแผ่กลางไม่เต็มที่
ซอกของใบอ่อนจะมีเนื้อเยื่อต้นกำเนิดกิ่ง >> ตาตามซอกเริ่มเกิด
พัฒนาไปเป็นตาตามซอก เมื่อใบที่รองรับตาเจริญเต็มที่
ซึ่งตาตามซอกสามารถเจริญเป็นกิ่งใหม่ได้
4) ลำต้นอ่อน : พบเซลล์ที่มีแนวการแบ่งเซลล์ตั้งฉากกับแกนยาวของลำต้น
เซลล์ที่ได้จากการแบ่งจะมีการขยายความยาว & ความกว้าง
ทำให้ลำต้นสูงขึ้น & มีขนาดใหญ่ขึ้น จากนั้นจะเปลี่ยนสภาพ
และเจริญเต็มที่เป็นเซลล์ต่างๆในเนื้อเยื่อถาวร เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ
ใบอ่อน
ใบเริ่มเกิด
- เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด
คาตามซอกเริมเกิด
ล่าต้นอ่อน —
รูป 9.18 ปลายยอดพืชตัดตามยาว
ก. ปลายยอดฤาษีผสม
ข. เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด
OPAL

ページ8:

I Peach u
โครงสร้างภายในของรากระยะที่มีการเติบโตทุติยภูมิ
พืชใบเลี้ยงคู่ทำให้รากมีขนาด ใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีการสร้างเนื้อเยื่อถาวรเพิ่ม
จากการแบ่งเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเจริญทุติยภูมิ ได้แก่
1) วาสคิวลาร์แคมเบียม : เปลี่ยนจากเซลล์ที่อยู่ระหว่างไซเล็มปฐมภูมิ & โฟลเอ็มปฐมภูมิ
และเซลล์ในบริเวณเพริไซเคิล โดยแบ่งเซลล์
สร้างไซเล็มทุติยภูมิด้านใน & สร้างโฟลเอ็มทุติยภูมิด้านนอก
ทำให้เกิดเนื้อเยื่อท่อลำเลียงทุติยภูมิเพิ่มขึ้น
*เซลล์ที่อยู่ห่างมากกว่าจะมีอายุมากกว่าเซลล์ที่อยู่ใกล้
เอพิเดอร์มิส
คอร์เทกซ์
เอนโดเดอร์มิส
เพรีไซเคิล
เคซิเตอร์
คนเร์เทซ์
เอนโดเดอร์มิ
เทวีไซเคิล
-โฟลเต็มปฐมภูมิ
ไฟเต็มทุกภูมิ -
เวนคิวลาร์แคมเบียม-
ไซเล็มปฐมภูมิ
ไซเล็มทุกภูมิ
คอ ก
คอร์กแคมเบียม
- โฟลเอ็มปฐมภูมิ
- โฟลเอ็มนิดภูมิ
วางหัวลา เคยเทียบ
ไซ ปฐมภูมิ
ไซเล็มทุติยภูมิ
รูป 5.16 ลำดับการเติบโตทุติยภูมิของรากพืชใบเลี้ยงคู่จากระยะเริ่มมีวาสคิวลาร์แคมเบียมถึงระยะเกิด
คอ กแคมเบียม
2) คอร์กแคมเบียม : รากที่เนื้อเยื่อทุติยภูมิเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
เซลล์ชั้นเอพิเดอร์มิสและบริเวณคอร์เทกซ์เดิมหลุดออก
• คอร์กแคมเบียมแบ่งเซลล์สร้างคอร์ค ทำหน้าที่แทนเนื้อเยื่อที่หลุด
• ส่วนใหญ่เซลล์บริเวณเพริไซเคิลเปลี่ยนเป็น
เซลล์ที่แบ่งตัวได้ >> คอร์กแคมเบียม โดยแบ่งเซลล์
ให้คอร์กอยู่ด้านนอก & เซลล์พาเรงคิมาอยู่ด้านใน
• เรียกรวมชั้นเนื้อเยื่อคอร์ด / เฟลเลม (phellem)
คอร์กแคมเบียม/เฟลโลเจน (phellogen)
พาเรงคิมาที่ได้จากการแบ่งตัวของคอร์กแคมเบียม / เฟลโลเดิร์ม (phelloderm)
ว่า เพริเดิร์ม
รากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวส่วนใหญ่จะไม่พบการเติบโตทุติยภูมิ*
:o
คอร์ก
ดอกแคมเบียม
เซลล์พาเรงคิมา
รูป 0.17 รากพืชใบเลี้ยงคู่ระยะการเติบโตทุติยภูมิจากรากระยะแก่มากตัดตามขวาง
กรมก
ข. รูปขยายแสดงขั้นเทวีเดิร์ม
OPAL

ページ9:

PKART
10:
I Peach u
โครงสร้างภายในติดตามขวางของรากระยะที่มีการเติบโตปฐมภูมิ
1) เอพิเดอร์มิส : มีเซลล์ผิว & เซลล์บนรากเรียงเป็น 1 แถว
2) คอร์เทกซ์ : มีพาเรงคิมาเป็นส่วนใหญ่
ด้านในสุดมักเห็นเซลล์เรียงเป็น 1 แถว » เอนโดเดอร์มิส
ซึ่งมีซูเบอลินสะสมเป็นแถบเล็กๆรอบเซลล์
*ยกเว้นด้านที่ขนานกับเอพิเดอร์มิส >> แถบแคสพาเรียน*
• เอนโดเดอร์มิส - ควบคุมทิศทางการลำเลียงน้ำทางด้านข้าง
3) สตีล
จากเซลล์ขนราคผ่านคอร์เทกซ์จนเข้าไปสู่ไซเล็ม
เมื่อเซลล์แข็งแรงขึ้น อาจมีลิคนิลสะสมเพิ่ม
ทําให้เกิดผนังเซลล์ทุติยภูมิที่มีความหนาเป็นพิเศษ
ซึ่งจะไม่ทำหน้าที่ควบคุมทิศทางการลำเลียงน้ำแล้ว
3.1) เพริไซเคิล : มีเซลล์พาเรงคิมาเรียงเป็นวง อาจมี 1 แถว / หลายแถว
สามารถกลับไปเป็นเนื้อเยื่อเจริญ เพื่อสร้างรากแขนงได้
ในรากพืชบางชนิดมีการเติบโตทุติยภูมิ
เพริไซเคิลสามารถเปลี่ยนเป็นคอร์กแคมเบียมได้
3.2) วาสคิวลาร์บันเดิล / มัดท่อลำเลียง : มีจำนวน 1 กลุ่ม
• ไซเล็มปฐมภูมิ - อยู่ตรงกลางของราก มีลักษณะเป็นแฉก
• โฟลเอ็มปฐมภูมิ - อยู่ระหว่างแฉกของไซเล็มปฐมภูมิ
พืชใบเลี้ยงคู่ มี 4 - 6 แฉก, พืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีแฉกมากกว่า
3.3) พิธ : ตรงกลางราก มีเซลล์พาเรงคิมา
• พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด - พบพิธเป็นบริเวณกว้าง
+ พืชใบเลี้ยงคู่ - มักไม่พบในราคที่เจริญมาจากเมล็ด / รากแขนง
แต่อาจพบในราคที่เจริญมาจากส่วนอื่น เช่น ลำต้น ใบซึ่งเป็นรากพิเศษ
เอพิเดอร์มิส
คอร์เทกซ์-
สตีล
รากแขนง
เอนโดเดอร์มิส
เหรีไซเคิล -
ไซเล็ม —
โฟลเอ็ม
รูป 9.15 รากแขนงของพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตัดตามขวาง
ก. รากถั่วเขียว ข. รากข้าวโพด
รูป 9.14 รากพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตัดตามขวางแสดงระยะที่มีการเติบโตปฐมภูมิ
ก. และ ค. รากถั่วเขียว
ข. และ ง. ราดข้าวโพด
OPAL

ページ10:

| PKART
I teach U
โครงสร้างและการเจริญเติบโตของราค
เมื่อรางงอกออกจากเมล็ดจะมีการเจริญเติบโตโดยเพิ่มขนาดและจํานวน
โครงสร้างภายในของปลายรากตัดตามยาว เรียงลำดับจากปลายสุดของรากขึ้นไป
1) หมวกราค:เซลล์พาเรงคิมาที่เรียงต่อกันอย่างหลวมๆ ภายในอาจเห็นเม็ดแป้ง
หน้าที่ - สามารถผลิตเมือกขับออกมารอบๆ ทำให้สะดวกต่อการชอนไชดิน
และยังป้องกันอันตราย กับเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่ถัดขึ้นไป
2) บริเวณการแบ่งเซลล์ : กลุ่มเซลล์เจริญส่วนปลาย ลักษณะเป็นกลุ่มหรือเป็นแถว
หน้าที่ - แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสให้เซลล์ส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป็นเซลล์ในหมวกราก
และเซลล์ส่วนใหญ่ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไปเป็นส่วนอื่น
ของโครงสร้างราก
3) บริเวณการยึดตามยาวของเซลล์ : มีการยึดตามยาวและขยายทางด้านขวา
ทำให้รากมีความยาวและขยายขนาดเพิ่มขึ้น
4) บริเวณการเปลี่ยนสภาพ & การเจริญเต็มที่ของเซลล์:
เต็มไปด้วยเซลล์ชนิดต่างๆ เพื่อทำหน้าที่เฉพาะได้อย่างสมบูรณ์
พบเซลล์ผิวและเซลล์บนราก ยังมีเซลล์ในไซเล็มทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ & ธาตุอาหาร
และเซลล์ในโฟร์เอ็มทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร
:o
บริเวณการเปลี่ยนสภาพและ
การเจริญเต็มทีของเซลล์
บริเวณการยืดตามยาว
ของเซลล์
บริเวณการแบ่งเซลล์
หมวกราก
นราท
เอพิเดอร์มิส
โฟลเม
-ไชน์
รูป9.13 ปลายรากพืชตัดตามยาวแสดงบริเวณต่างๆ
OPAL

ページ11:

| PKART
0:
I Reach U
6) โฟลเอ็ม
• ลำเลียงอาหารที่สังเคราะห์จากใบไปสู่ส่วนต่างๆของพืช
• ประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด
-เซลล์ท่อลำเลียงอาหาร / ซีฟทิวบ์เมมเบอร์ (sieve tube member)
มีชีวิต *หน้าที่หลักในการลำเลียงอาหาร* เจริญเต็มที่ไม่มีนิวเคลียส
แวคิวโอลขนาดใหญ่ที่มีอาหารอยู่ มีผนังเซลล์ปฐมภูมิบาง
และมีรูเล็กๆอยู่เปินกลุ่มที่ผนังด้านข้างและด้าน วท้าย ลักษณะคล้าย
แผ่นตะแกรง / ซีฟเพลสต (sieve plate)
*
*ซีฟทิวบ์เมมเบอร์หลายเซลล์เรียงต่อกัน » ซีฟทิวบ์*
- เซลล์คอมพาเนียน (companion cell) มีชีวิตที่มีกำเนิดร่วมกับ
ซีฟทิวบ์เมมเบอร์ที่อยู่ติดกัน โดยมีพลาสโมเดสมาตาจำนวนมากเชื่อมถึงกัน
ช่วยส่งเสริมการทำหน้าที่ของซีฟทิวบ์เมมเบอร์
-เซลล์พาเรงคิมา
- ไฟเบอร์
ไฟเบอร์
โฟลเอ็ม
- 1 ซีฟทิวบ์เมมเบอร์ เซลล์คอมพาเนียน เซลล์พาเรงคิมา
เวสเซลเมมเบอร์
ไซเล็ม-
เซลล์พาเรงคิมา
- ไฟเบอร์
เทอร์ฟอเรชันเพล
เวสเซล
เวสเซลเมมเบอร์-
- เทรคีด
-ซีฟเพลด
เซลล์คอมพาเนียน
ซีฟทิวบ์
ซีฟเทลด
-ซีฟทิวบ์เมมเบอร์
OpAL
รูป 9.10 ไซเล็มและโฟลเอ็ม
ก. ไซเล็มและโฟลเอ็มจากลำต้นหมอน้อยตัดตามขวาง
ข. ไซเล็มจากก้านใบมะละกอตัดตามยาว ค. รูปวาดเวสเซลเมมเบอร์และเทรคีด
ง. โฟลเอ็มจากลำต้นมะระขี้นกตัดตามยาว จ. รูปวาดซีฟทิวบ์เมมเบอร์และเซลล์คอมพาเนียน

ページ12:

| PKART
10:
4) สเกลอเรงคิมา (sclerenchyma)
• พบในเนื้อเยื่อพืชของลำต้น ใบ ผล เปลือกไม้ เปลือกผล เปลือกเมล็ด
•เซลล์สเกลอเรงคิมา ไม่มีชีวิต มีผนังเซลล์ทุติยภูมิค่อนข้างหนา
ทำให้เกิดความแข็งแรงแก่โครงสร้างพืช
- เซลล์เส้นไย / ไฟเบอร์ (fiber) : รูปร่างยาวเรียว หัวท้ายแหลม
- สเกลอรีด (sclereid ) : รูปร่างหลายแบบ เช่น รูปหลายเหลี่ยม รูปดาว
- ไฟเบอร์
สเกลอง
สเกลอรีด
I Peach u
ไฟเบอร์ฟ ก.
รูป 9.9 สเกลอเรงคิมา
ก. ไฟเบอร์จากใบลิ้นมังกรตัดตามขวาง
ข. ไฟเบอร์รูปร่างยาวเรียว และหัวท้ายแหลมจากลำต้นองุ่นที่ได้จากการทำให้ปุ๋ย
ค. สเกลอรี รูปหลายเหลี่ยมจากลำต้นนมตำเลียตัดตามขวาง
ง. สเกลอรีดรูปดาวจากก้านใบบัวสายตัดตามขวาง
5) ไซเล็ม (เทรคีด & เวสเซลเมมเบอร์ ทำหน้าที่ในการลำเลียง)
• ลำเลียงน้ำ & ธาตุอาหาร จากรากไปสู่ส่วนต่างๆของพืช
• ประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด
- เทรคีด (tracheid) : ไม่มีชีวิต รูปร่างยาวปลายค่อนข้างเสี้ยมแหลม
- เวสเซลเมมเบอร์ (vessel member) : ไม่มีชีวิต รูปร่างยาว
มักมีขนาดใหญ่กว่าเทรคีด ที่ด้านหัวและด้านท้ายของเซลล์มีช่องทะลุ
ทำให้มองเห็นผนังหัวท้ายมีลักษณะเป็นแผ่นมีรู / เพอร์ฟอเรชันเพลต
*เวชเซลเมมเบอร์หลายเซลล์เรียงต่อกันคล้ายท่อน้ำ > เวสเซล*
-เซลล์พาเรงคิมา
- ไฟเบอร์
OPAL

ページ13:

| PKART
0.
2) พาเรงคิมา (parenchyma)
• พบทั่วไปในส่วนต่างๆของพืช
•เซลล์ที่มีชีวิต
-เซลล์พาเรงคิมา มีผนังเซลล์ปฐมภูมิบางสม่ำเสมอ
-ทาหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อพื้นแบ่งตามลักษณะรูปร่างได้หลายแบบ
มีการเรียงตัวที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเซลล์และ ถ้ามีคลอโรพลาสต์
จะสังเคราะห์ด้วยแสง ทั้งยังสะสมอาหารและเก็บผลึก
ช่องว่างระหว่างเซเ
คลอโรพลาสต์
รูป 9.7 พาเรงคิมา
ก. รูปร่างหลายเหลี่ยมจนเกือบกลม
ข. มีคลอโรพลาสต์
ค. สะสมเม็ดแป้งในหัวมันฝรั่ง
ง. เก็บผลึกในโบบา
3) คอลเลงคิมา (collenchyma)
• พบถัดจากเอพิเดอร์มิส ของลำต้นที่ยังอ่อน ก้านใบ เส้นกลางใบ
•เซลล์ที่มีชีวิต
- เซลล์คอลเลงคิมา มีผนังเซลล์ปฐมภูมิหนาไม่สม่ำเสมอ
• ทำหน้าที่พยุงและทำให้เกิดความแข็งแรงแก่โครงสร้างพืช
ผนังเซลล์
รูป 9.8 คอลเลงคิมา
ก. จากลานหมอน้อย
ข. จากก้านใบบัวสาย
I Peach u
OPAL

ページ14:

| PKART
10:
เนื้อเยื่อถาวรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพืช
1) เอพีเดอร์มิส (epidermis) / เนื้อเยื่อชั้นผิว
•อ่านและใบส่วนใหญ่มีความหนา 1 ชั้น
•เซลล์ที่มีชีวิต
- เซลล์ผิว มีชั้นคิวทิเคิล >> คิวทิน เคลือบผิวด้านที่สัมผัสอากาศ
เพื่อลดการละเหยนํ้า
เซลล์คุม รูปร่างคล้ายไต / เมล็ดถั่วแดง อยู่เป็นคู่ประกบกัน
มีช่องตรงกลาง >> รูปากใบ ภายในมีคลอโรพลาสต์
“ รวมเรียกเซลล์คุมและรูปากใบ ว่า ปากใบ
• พบขนบริเวณเอพิเดอร์มิส
• รากมีความหนา 1 ชั้น
•เซลล์ที่มีชีวิต
- เซลล์ผิว มีคิวทิน เคลือบบางๆ
- เซลล์บนราก ผนังด้านนอกยืนยาวออกไปคล้ายบนราก
ยาวกว่าความกว้างของเซลล์หลายเท่า
เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูด า & ธาตุอาหาร
“ รวมเรียกเซลล์คุมและรูปากใบ ว่า ปากใบ ”
คิวทีเคิล-
เซลล์ผิว-
เชลล์คุม
-รูปากใบ
รูป 9.6 เอพิเดอร์มิส
เชล คม
รูปากใบ 2
เซลล์บนราก
เซลล์ผิว
ก. เซลล์ผิวที่มีสารคิวทินเคลือบจากลำต้นปริกตัดตามขวาง ข. เซลล์คุมจากการลอกผิวใบพลูด่าง
ค. เซลล์คุมจากใบพญายอตัดตามขวาง
ง. เซลล์ผิวและเซลล์ขึ้นรากจากราก
ถั่วเขียวตัดตามขวาง
I Peach u
OPAL

ページ15:

PKART
10:
I teach U
เนื้อเยื่อถาวร (permanent tissue)
- เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้อเยื่อเจริญ
+ ประกอบด้วยเซลล์ที่เจริญเต็มที่ มีรูปร่างคงที่ ทําหน้าที่ตามโครงสร้างของเซลล์
· ส่วนใหญ่ไม่สามารถแบ่งเซลล์ได้
แบ่งประเภทตามหน้าที่
1) ระบบเนื้อเยื่อผิว – dermal
• เอพีเดอร์มิส - ป้องกันเนื้อเยื่อด้านใน
•เพริด มเจริญขึ้นมาแทนเอพิเดอร์มิส รากและลำตัน)
2) ระบบเนื้อเยื่อพื้น - ground / fundamental
เนื้อเยื่ออื่นที่ไม่ใช่เนื้อเยื่อผิวและเนื้อเยื่อท่อลำเลียง
.
• พาเรงคิมา
• คอลเลงคิมา
• สเกลอเรงคิมา
3) ระบบเนื้อเยื้ออ่ะท่อลำเลียง - vascular
• ไซเล็ม : น้ำ ธาตุอาหาร
• โฟลเอ็ม : อาหาร
OPAL

ページ16:

| PKART
0.
I Peach u
เนื้อเยื่อเจริญ (meristematic tissue/meristem)
-มีผนังเซลล์ปฐมภูมิมาง ความหนาสม่ำเสมอกัน
+มีนิวเคลียสขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของเซลล์
• มีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเพื่อเพิ่มจำนวนได้ตลอดชีวิตของเซลล์
แบ่งประเภทตามตำแหน่งที่อยู่
1) เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย – apical การเติบโตปฐมภูมิ (primary growth)
• ปลายยอด – แบ่งเซลล์ ลำตัน & กิ่งยาวขึ้น รวมทั้งสร้างลำต้น กิ่ง และใบ
• ปลายราก – แบ่งเซลล์ รากยาวขึ้น
2) เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง – lateral / แคมเบียม - cambium
อยู่ในแนวขนานกับเส้นรอบวง แบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนออกด้านข้าง
การเติบโตทุติยภูมิ (secondary growth) แบ่งตามการทำหน้าที่
• วาสคิวลาร์แคมเบียม - แบ่งเซลล์ เกิดกลุ่มเนื้อเยื่อท่อลำเลียง
พบระหว่างท่อลำเลียงน้ำและอาหาร
• คอร์กแคมเบียม – แบ่งเซลล์ให้คอร์กและเนื้อเยื่ออื่นๆ
เพื่อทำหน้าที่แทนเนื้อเยื่อผิวเดิม
พบถัดจากคอร์กเข้าไปด้านใน
3) เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ - intercalary
แบ่งเซลล์ เพิ่มจำนวนทำให้ปล่องของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวยืดยาว
พบอยู่ที่คุณปล่อง/เหนือข้อ แบ่งเซลล์ได้ยาวนานกว่าเนื้อเยื่อส่วนอื่น
ของปล้องที่หยุดเจริญ
*พบใน หญ้า ข้าวโพด อ้อย ไผ่ ข้าว*
เนื้อเยื่อผิว
main
-คนิกแคมเบียม
- เนื้อเยื่อเจริญปลายขอ
เนื้อเยื่อท่อลำเลียงอาหาร ——
เนื้อเยีย
อ า ย ง า
เนื้อเยื่อท่อลำเลียงอาหาร
เนื้อเยื่อเจริญปลายราก
(4) เนื้อเยื่อท่อลำเลียงน้ำ
ว่า เลนตมเบียม
รูป 9.2 เนื้อเยื่อเจริญของพืช
ก. เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด ข. เนื้อเยื่อเจริญปลายราก ค. รูปวาดวาสคิวลาร์แคมเบียม
เนื้อเยื่อท่านเล่ามัยยาหาร
วาหัวมาร์คมเบียม
เนื้อเยื่อท่อลำเลียงน้ำ
รูปร.3 วาคิวลาร์แคนเรียนและคอร์กแฮมเนียม
1. คนโกนแคมเบียมและต่อว่าจากกระต้นไม
5. คณะร้อนคงเรียงและคนเรื่อง หน้ามันดินโลก
ค. รูปวาดตำแหน่งงานหัวเอาแคมเบียมและคอร์ก แคมเบียม
OPAL
รูป 3.4 เนื้อเยื่อของลำต้นหญ้าหน
5. ตำแหน่งของลำดับที่พัดพบเนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ (ลูกศรสีม่วง) และเนื้อเยื่อถาวร (ลูกศรสีแดง)

ページ17:

| PKART
I Peach u
เนื้อเยื่อพืช (Plant tissue)
เนื้อเยื่อพืช - กลุ่มของเซลล์พืชที่มีการเจริญและเปลี่ยนแปลงเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ
เซลล์พืช » มีผนังเซลล์ให้ความแข็งแรงแก่โครงสร้างของเซลล์พืช
มิดเดิลลาเมลลา
ผนังเซลล์ปฐมภูมิ
ผนังเซลล์ทุติยภูมิ
เยื่อหุ้มเซลล์
เซลล์ที่มีผนังเซลล์ปฐมภูมิ
เซลล์ที่มีผนังเซลล์ทุติยภูมิ
มิดเดิลลาเบลลา - สร้างหลังจากเกิดแผ่นกั้นเซลล์ พบเพกทิน - พบในพืชทุกชนิด
ผนังเซลล์ปฐมภูมิ – เซลลูโลส
ผนังเซลล์ทุติยภูมิ - เซลลูโลส & ลิกนิน เพิ่มความแข็งแรงให้พืช
ผนังเซลล์ทุติยภูมิ อาจพบ ซูเบอริน ป้องกันการระเหยของน้ำ
0.
OPAL

留言

Have a nice day
Author Have a nice day

เอามาจากนส.เลยค่ะ ถ่ายเอง ไม่รู้ว่าผิดกฎหมายรึป่าว แต่ทำเพื่อการเรียนรู้ไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์นะคะ

pimwaran
pimwaran

ขออนุญาตนะคะ เอารูปมาจากไหนคะ

News