ページ1:

OCR失敗: NoMethodError undefined method `first' for nil:NilClass

ページ2:

แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
ของลามาร์ก
-สมชว.เปลี่ยนแปลงโครงสร้างให้เข้ากับสวล.
-กฎแห่งการใช้ &ไม่ใช้ (law of use &disuse): โครงสร้างที่
ใช้งานมากจะใหญ่ &แข็งแรง ส่วนโครงสร้างที่ไม่ได้ใช้งาน
จะอ่อนแอ &เสื่อมไป
-กฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่ (law of inheritance
of qcquired characteristics): โครงสร้างที่ถูกเปลี่ยนแปลง
ในชัวรุ่น สามารถ่ายทอดต่อได้
-เช่น การคอยาวของยีราฟ: อดีตยีราฟคอสั้น, แต่คอยาวเพราะ
แย่งกินอาหารบนพื้นดินกับสัตว์อื่น แต่อาหารไม่พอ ก็เลย
เขย่งตัว และยืดคอ เลยทำให้ยีราฟคอยาว
-ไม่ใช้แล้ว เพราะไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์
60
ของดาร์วิน
6
-ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ: ลักษณะที่เหมาะสมเท่านั้น
ที่จะถูกคัดเลือกให้อยู่รอด &นำไปสู่การเกิดสปีชีส์ใหม่
-ข้อเท็จจริง 1: สมชว. สามารถสืบพันธุ์ &ให้ลูกหลานจน.มาก
-ข้อเท็จจริง 2: จน.สมากชิกแต่ละรุ่นของแต่ละสปีชี่ส์ จะมีจน.คงที่
-ข้อเท็จจริง 3: ปัจจัยในการดำรงชีวิตของสม ว. มีจน.จํากัด
-ข้อสรุป 1: สมชว.ต้องดิ้นรน เพื่ออยู่รอด &ให้ได้ปัจจัยใน
การดำารงชีวิต ที่มีอย่างจํากัดจึงมีแค่สมากชิกบางส่วนที่อยู่รอด
ในแต่ละรุ่น
-ข้อเท็จจริง 4: สมาชิกแต่ละตัวมีลักษณะที่ต่างกัน//ความแปรผัน
ในทุกประชากร
-ข้อเท็จจริง 5: ความแปรผันถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปได้
-ข้อสรุป 2: การอยู่รอดไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสุ่ม แต่มาจาก
ลักษณะทางพันธุกรรมที่ต่างกัน สมชว.ที่มีลักษณะ
เหมาะกับสวล. จะให้กําเนิดลูกได้มากกว่าสมชว
ที่มีลักษณะไม่เหมาะกับสวล.
-ข้อสรุป 3: การที่สม ว.อยู่รอด &การให้กำเนิดลูก
ที่ไม่เท่ากัน ทําให้ประชากรเปลี่ยนแปลงทีละน้อย
&มีลักษณะที่เหมาะกับสวล. เพิ่มขึ้นในแต่ละรุ่น
111/

ページ3:

พันธุศาสตร์ประชากร
-ปชก.: สมชว.สปีชีส์เดียวกัน ที่อยู่ที่เดียวกันในเวลาหนึ่ง &สืบพันธุ์
ด้วยกันได้
-ยีนมูล: ยีนทั้งหมดในปชก.ช่วงเวลาหนึ่ง
-ความถี่ของแอลลีล: จน.แอลลีลหนึ่ง ต่อแอลลีลพูลทั้งหมดที่
คุมลักษณะนั้น (ในดิพลอยด์ ถ้ารู้จน.จีโนไทป์ของปชก. ก็หา
ความ จีโนไทป์ &ความ แอลลีลได้)
หลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก
-ปชก.ต้องมีขนาดใหญ่ => ทําให้การเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล
แบบสุ่มเป็นไปได้น้อย
-ไม่มีการถ่ายเท/เคลื่อนย้ายปชก. จากการอพยพเข้า/ออก - ไม่มี
การรับเพิ่ม/สูญเสียแอลลีล = ความถี่แอลลีลในปชก.ไม่เปลี่ยน
=
-ไม่เกิดการมิวเทชั่น: มิวเทชันอาจทําให้เกิดการ/เพิ่มของแอลลีล
-สมาชิกทุกตัวเป็นมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน เพราะเป็นการ
ผสมพันธุ์แบบสุ่ม
-ไม่เกิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติ: สมาชิกทดตัว มีโอกาสสืบพันธุ์
ได้เท่ากัน = แอลลีลมีโอกาสเท่ากันในการถ่ายทอดต่อ

ページ4:

พันธุศาสตร์ ประชากร
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล
วิวัฒนาการจุลภาค: เกิดวิวัฒนาการทีละน้อย ใช้เวลาไม่กี่ชั่วรุ่น
-เจเนติกดริฟต์แบบสุ่ม
>ปชก.ขนาดเล็กไปเกิดเหตุการณ์แบบไม่จําเพาะเจาะจงทําให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลที่มีความถี่ต่ำา จนอาจหายไป
จากยีนมูล ex; กระต่ายรุ่นแรก มีขนน้ำตาล > ขาว เมื่อเกิด
การสืบพันธุ์ต่อไป จึงทําให้สีขาวหายไป เพราะมีความถี่น้อยกว่า
>ปชก.ขนาดใหญ่ ประสบภัยพิบัติ ทำให้ปชก.มีขนาดเล็กลง
=> ปรากฏการณ์คอขวด (bottle effect) ex; แมวนํ้าช้าง
อซีกโลกเหนือ ที่ถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์
>การอพยพของปชก ขนาดใหญ่ => ปรากฏการณ์ผู้ก่อตั้ง
(founder effect) ex; การอพยพของคนที่เป็นโรค
จอประสาทตาเสื่อม ถ้าย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ แอลลีลที่ทำให้
เกิดโรค ก็จะมีโอกาสในการเกิดโรคมากกว่า
-การถ่ายเทยีน: ปชก.ที่มีโอกาสผสมพันธุ์กัน จะทำให้เกิดการ
เคลื่อนย้ายยีน/แอลลีล จากปรก.หนึ่ง ไปอีกปรก.
ex; ถ้าไม่มีการตัดผ่านภูเขา กวางทั้ง 2 ฝั่ง
ก็ไม่มีโอกาสได้ผสมพันธุ์กัน แต่พอภูเขา
ถูกตัด ก็เลยมาให้กวางทั้ง 2 ฝั่งมีโอกาส
ได้ผสมพันธุ์กัน ทำให้แอลลีล
มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น
Western deer
population
Mountain range
Pass
Eastern deer
population
-การผสมพันธุ์แบบไม่สุ่ม: ทำให้ความถี่ปชก.ไม่คงที่ = ไม่อยู่ใน
สมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก &ทำให้เกิดวิวัฒนาการ ex; การผสมพันธุ์
ในเครือญาติ การผสมพันธุ์แบบเลือกลักษณะ
-มิวเทชั่น: เป็นการสร้างแอลลใหม่ มาสะสมในแอลลีลพูลทำให้
เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม
-การคัดเลือกโดยธรรมชาติ: สมาชิกที่มีลักษณะเหมาะกับสวล.
จะให้กําเนิดลูกได้มาก ทําให้บางแอลลีลเพิ่มขึ้น แต่
บางแอลลีลลดลง ex; เช่น หอยที่มีเปลือกสีขาว กับ
เปลือกสีนํ้าตาล แต่ว่าตัวที่ไม่เหมาะสมกับสวล. คือ
เปลือกสีขาว ทำให้ไม่ได้ถ่ายทอดลักษณะของตนเองต่อ

ページ5:

พันธุศาสตร์ประชากร
วิวัฒนาการมหภาค: การเปลี่ยนแปลงฟีโนไทป์อย่างมากพอ
ที่จะทำให้เกิดสปีชี่ส์ใหม่ ใช้เวลานาน

ページ6:

ก่อนระยะไซโกต
กําเนิดสปีชีส
การแยกเหตุการสืบพันธุ์
-แหล่งที่อยู่: สมชว.ต่างสปีชีส์ ที่รูปร่างคล้ายกัน แต่อยู่ &ผสมพันธุ์
คนละที่กัน ทำให้ไม่มีโอกาสมาผสมพันธุ์กัน
ex; Nothern green frog &Southern brown frog
-พฤติกรรม: จะส่งผลแค่ต่อสมชว.สปีชีส์เดียวกันเท่านั้น
ex%
การเกี้ยวพาราสีของนก
-ช่วงเวลาในการผสมพันธุ์: สมชว.แต่ละสปีชีส์มีเวลาในการ
ผสมพันธุ์ทีต่างกัน
ex; แมงหวี่ที่ต่างสายพันธุ์/ 3 ที่บานในฤดูที่ต่างกัน
-โครงสร้างอวัยวะสืบพันธุ์: รูปร่างของอวัยวะสืบพันธุ์ที่ต่างกัน
ทําให้ผสมข้ามสายพันธุ์กันไม่ได้ ex; Q ที่มีก้านชูไม่ลึก =
เหมาะให้ ช่วยผสมพันธุ์ แต่ & ที่มีก้านชูลึก = เหมาะให้ \_
4
ช่วยผสมพันธุ์
-เซลล์สืบพันธุ์: ถึงสมชว. ต่างสปีชีส์มาพบกัน แต่ก็ปฏิสนธิกันไม่ได้
หลังระยะไซโกต
-ลูกผสมตายก่อนถึงวัยเจริญพันธุ์ = โตเป็นตัวเต็มวัยไม่ได้
-ลูกผสมเป็นหมัน; ม้า + ลา = ล่อ ->เป็นหมันจ้า!
-ลูกผสมล้มเหลว: ถึงสมช.ต่างสปีชีส์จะผสมกันจนได้รุ่นลูก แต่พอ
เอารุ่นลูกมาผสมกัน รุ่นหลานจะอ่อนแอ &เป็นหมัน

ページ7:

กําเนิดสปีชีส
กาเนิดสปีชีส์
Allopatric Speciation
-แบบแอลโลพาทริก: สปีชีส์ใหม่ที่เกิดจากการแบ่งแยกทาง
ภูมิศาสตร์ ทําให้ปชก.ถูกแยกออก &ไม้มีการถ่ายเทยีนระหว่างกัน
ถึงแม้จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ก็ผสมพันธุ์กันไม่ได้ ex; ี 2พันธุ์
ในวงศ์เดียวกัน ซึ่งเคยอยู่ที่แกรนแคนยอนเหมือนกัน แต่
การเคลื่อที่ของเปลือกโลก ทําให้แผ่นดินแยกออก ทั้ง 2 สปีชีส์
จึงอยู่ตรงหน้าผาของฝั่งตนเอง จนวิวัฒนาการเป็นคนละสปีชีส์กัน
Sympatric Speciation
-แบบซิมพาทริก: สปีชีส์ใหม่ที่เกิด @ที่เดียวกันกับบรรพบุรุษ
แต่มีกลไกลการป้องกัน ไม่ให้ไปผสมพันธุ์กับปชก.เดิม แม้จะอยู่ที่
เดียวกัน ex; พอลิพลอยดี
>พอลิพลอยดี: ความผิดปกติของการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
ทําให้ได้เซลล์สืบพันธุ์เป็นชุด 2n ex; นําผักกาดแดง ผสมกับ
กะหล่าปลี(โครโมโซม 18 ชุดเหมือนกัน) ได้ลูกผสมที่มีขนาด
ใหญ่ขึ้น มีชุดโครโมโซม 2n 8ได้ลูกรุ่น F2 ที่มีโครโมโซมเป็น 40,
แตน (จะผสมพันธุ์กับแตนที่อยู่ในผลมะเดื่อเดียวกัน) ซึ่งแตนที่มี
การเปลี่ยนแปลงของยีน ทำให้แตนตัวนั้น ไม่สามารถ
ผสมพันธุ์กับแตนในลูกมะเดื่อเดียวกันได้ (ต้องไป
หาผลใหม่)