ชั้นปี

ชนิดของคำถาม

ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัย

ช่วยหน่อยค่ะ

Kevin Kwan: Turning Intercultural Life into Art For 25 years, Hollywood did not make a movie with an all-Asian cast. Then a man named Kevin Kwan wrote a book, and made a film called Crazy Rich Asians. The story is about an Asian American economics professor named Rachel, who goes to Singapore to meet her boyfriend's wealthy family. The film was an instant success. It made 238.5 million dollars and became the most successful romantic comedy of the last ten years. Now Kwan is famous for bringing Asian themes to the big screen. The book has been translated into several languages, and he has published two more. In listening to him talk, it is clear that Kwan's own life has been the inspiration for his witty and affectionate view of wealthy Asian society. TIMES BESTSELLER CRAZY RICH ASIANS & NOVEL KEVIN KWAN Thank ish the's by and the CRAZY CRAZY RICH ASIANS KWAN CRAZY RICH ASIANS KEVIN HINA IRLFR LEVINA Kwan was born in Singapore, and his early life felt normal in many ways. His group of friends rode around the neighborhood on their bikes, and stole fruit from the neighbors. Then, when he was 11 years old, his family moved to Houston, Texas. In the US, Kwan attended high school, made friends, and had fun, just like others his age. He was not a great student, but he did well in creative writing. Eventually, he moved to New York City, where he became a successful design consultant, with many important clients. However, while he was living in New York, he learned his father was very sick. Kwan immediately returned to Houston to care for his father, and the two began to recall memories of Singapore. Kwan was fascinated by his father's stories, and they brought back details of his own childhood. He came from a very wealthy family. His grandmother's ancestors started one of the first banks, and his great uncle helped develop a widely used herbal ointment. It was normal for several generations to live together in an elegant home, with grand furnishings and beautiful gardens. Among his friends, there was a girl who received an expensive grand piano as a birthday present. Another friend, who was still too young to drive, owned matching white sports cars. As he reflected on his family history, Kwan decided to write the memories down as stories, which inspired his novel. These people had lived through Singapore's transition into a world financial center, and he had insight into the details of their lives. In addition, Kwan was also an immigrant, so he could explore the feelings and hopes of other Asian Americans and their children. He used his experiences to write his book, and then film, about immigrants and the worlds they came from. The film's success showed that audiences like seeing the funny, painful, and rewarding stories of families, no matter how crazy or rich they are.

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
เคมี มัธยมปลาย

ครูค่ะช่วยหน่วยค่าา

หน้า 93 เรื่อง แบบจำลองอะตอมดอลตัน ใบงาน วิชาเคมี ชั้น ม.4 บทที่ 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ แนวคิดในการพัฒนาแบบจำลองอะตอม คำชี้แจง : จงตอบคำถามในข้อต่อไปนี้ ชื่อ เลาที คำชี้แจง : ตอบคำ หลังก 1. หน่วยย่อยที่เล็กที่สุดของสาร เมื่อถูกแบ่งให้มีขนาดเล็กลงไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถแบ่งย่อยให้เล็กต่อไปได้อีก ตามแนวของดีโมคริส นักปราชญ์ชาวกรีกนั้น เรียกว่าอะไร มีที่มาจากคำใดของภาษากรีก และคำนั้นมีความหมาย ว่าอย่างไร ตอบ ของดอลตัน ให้นักเรี ปัจจุบันไม่ได้รับการ ข้อที่ 1 ในปัจจุบัน เพราะ ข้อที่ 2 ในบ้า เพราะ 2. นักวิทยาศาสตร์มีวิธีการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอม ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างไร ตอบ 3. แบบจำลองอะตอม (atom model) คืออะไร ตอบ การเปลี่ยนแปลง มา 4 ของ ลาก่อน และผลงานมากม 4. แบบจำลองอะตอม สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ อย่างไร ตอบ แบบจําลองอะตอมของดอลตัน ในปี ค.ศ. 1803 จอห์น ดอลตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้รวบรวมแนวคิดและทฤษฎีของ วิทยาศาสตร์ในยุคนั้น แล้วเสนอ “ทฤษฎีอะตอมของดอลตัน” ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ 1) ธาตุประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ เรียกว่า อะตอม ซึ่งทำให้สูญหายและแบ่งแยกต่อไปอีกไม่ได้ 2) อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันจะมีสมบัติเหมือนกัน และแตกต่างจากอะตอมของธาตุอื่น 3) สารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตุมากกว่า 1 ชนิดทำปฏิกิริยาเคมีกันในอัตราส่วน น ดอลตัน (John Dalton) ที่เป็นเลขลงตัวน้อย ๆ ๆ จอห์น ดอลตัน ได้เสนอแบบจำลองอะตอมว่า “อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมกัน มีขนาดเล็กมากและไม่สามารถแบ่งแยกลงไปได้อีก ข้อที่ 3 เพราะ ...

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
PromotionBanner
เคมี มัธยมปลาย

วิชาวิทย์ ม.ปลาย ค่ะ มีใครทำได้ไหมคะคือวันนี้เราไม่มาแล้วครูสั่งให้ส่งวันนี้😭😭 กราบขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

2. จงตอบคําถามต่อไปนี้ 2.1 กระบวนการสลายตัวของ นิวเคลียร์ของการสลายตัวนี้ 232 Th จะมีการปล่อยอนุภาคแอลฟา จงเขียนแสดงสมการ 90 140 2. กระบวนการสลายตัวของ 57 นิวเคลียร์ของการสลายตัว La จะมีการปล่อยอนุภาคบีตา 4 ตัว จงเขียนแสดงสมการ 226 89 3. กระบวนการสลายตัวของ AC จะมีการปล่อยอนุภาคแอลฟา 6 ตัว และปล่อยอนุภาคบีตา 4 ตัว การสลายตัวนี้จะได้ธาตุใด 236 228 4. กระบวนการสลายตัวของ U ได้ผลิตภัณฑ์ 92 Ra จะมีอนุภาคแอลฟาเกิดขึ้นที่อนุภาค 88

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
วิทยาศาสตร์ มัธยมต้น

ใครก็ได้ย่อให้ผมหน่อยครับ🥺

ออร์แกเนลล์ที่พบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์มีหลายชนิด เช่น วิทยาศาสตร์ Science H.1 H1 85 * ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นแหล่งผลิตพลังงานให้เซลล์ โดยสลายสารอาหารที่เซลล์ได้ รับมาให้เป็นพลังงานไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของเซลล์ ** ไรโบโซม (Ribosome) เป็นแหล่งสร้างโปรตีน * กอลจิ คอมเพลกซ์ (Golgi complex) เป็นแหล่งรวบรวม บรรจุ และขนส่งสารต่าง ๆ * ไลโซโซม (Lysosome) เป็นออร์แกเนลล์ที่พบเฉพาะในเซลล์สัตว์ ทำหน้าที่เป็นผู้ขนส่งเอนไซม์ ที่มีสมบัติในการย่อยสลาย * เซนทริโอล (Centriole) เป็นออร์แกเนลล์ที่พบเฉพาะในเซลล์สัตว์ ช่วยในการเคลื่อนที่ของ โครโมโซมและแยกโครมาทิดแต่ละคู่ออกจากกันขณะเซลล์แบ่งตัว 2 * คลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็น ออร์แกเนลล์ที่พบเฉพาะในเซลล์พืช พบในไซโทพลาซึม ของเซลล์พืชบางชนิด มีลักษณะเป็นเม็ดกลมรีสีเขียว มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น โดยเยื่อชั้นนอกทำหน้าที่ควบคุมโมเลกุล ของสารที่ผ่านเข้าออก ชั้นในมีโครงสร้างคล้ายถุงแบน ๆ เรียงซ้อนกัน ภายในมีสารสีเขียวที่เรียกว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับพลังงานแสงและ มีของเหลวที่ประกอบด้วยเอนไซม์หลายชนิดที่ใช้ในการ สร้างอาหารของพืช มีหน้าที่รับพลังงานแสงเพื่อใช้ใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ถุงบรรจุคลอโรฟิลล์ เยื่อหุ้ม 2 ชั้น - โครงสร้างและส่วนประกอบของคลอโรพลาสต์ ๆ * แวคิวโอล (Vacuole) มีลักษณะเป็นถุง เยื่อหุ้มชั้นเดียว มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน ในเซลล์พืชมี แซบแวคิวโอล (Sap vacuole) ทำหน้าที่สะสมน้ำและสารอื่น ๆ ทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ เช่น กรดอะมิโน น้ำตาล แร่ธาตุ สารพิษ รวมทั้งของเสียต่าง ๆ ซึ่งเซลล์พืชจะเก็บไว้ในรูปผลึก พืชที่มีอายุน้อยจะมี แวคิวโอลขนาดเล็กจำนวนมาก เมื่อพืชอายุมากขึ้นแวคิวโอลเหล่านี้จะรวมเป็นถุงเดียวกัน ทำให้ขนาดใหญ่ขึ้น ในเซลล์สัตว์ แวคิวโอลมีขนาดเล็กกว่าและมีจำนวนมากกว่าในเซลล์พืชทำหน้าที่เก็บสะสมอาหารและน้ำ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว มี ฟูดแวคิวโอล (Food vacuole) ทำหน้าที่บรรจุอาหารที่รับมาจากภายนอกเซลล์เพื่อย่อย สลายภายในเซลล์ ในเซลล์สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม มี คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล (Contractile vacuole) ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและของเสียภายในเซลล์ คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล ผนังเซลล์ นิวเคลียส ไซโทพลาซึม - เยื่อหุ้มเซลล์ - พารามีเซียม แซบแวคิวโอล

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
วิทยาศาสตร์ มัธยมต้น

ช่วยย่อหน่อยนะครับ

วิทยาศาสตร์ Science H. นิตยส -ใช้โทน ทาไงหลายต้ แวคิวโอล เยื่อหุ้มเซลล์ หนัง - เซลล์พืช เซลล์สัตว์ เซลล์พืชและเซลล์สัตว์มีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ 1. ส่วนห่อหุ้มเซลล์ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane) และผนังเซลล์ (Cell wall) ซีล เฉพาะในเซลล์พืช 2. ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) 1. ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ประกอบด้วย 1) เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane) เซลล์ของ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีเยื่อหุ้มเซลล์หุ้มอยู่ภายนอก มีลักษณะ เป็นเยื่อบาง ๆ เหนียว ประกอบด้วยสารประเภทลิขิตและ โปรตีน เยื่อหุ้มเซลล์มีรูเล็ก ๆ สามารถจำกัดขนาดของสารที่ ผ่านเข้าออกได้ จึงมีสมบัติเป็น เยื่อเลือกผ่าน (Semipermeable membrane) ซึ่งสารขนาดเล็กผ่านได้ส่วนสารขนาดใหญ่ผ่านไม่ได้ 3. นิวเคลียส (Nucleus) เยื่อหุ้มเซลล์ หน้าที่ 1. ควบคุมปริมาณและชนิดของสารบางอย่างที่ผ่านเข้าออกจากเซลล์ เช่น น้ำ และสารละลายต่าง ๆ 2. แสดงขอบเขตของเซลล์และห่อหุ้มส่วนประกอบในเซลล์ 2) ผนังเซลล์ (Cell wall) มีเฉพาะในเซลล์พืช เป็นโครงสร้างที่อยู่ชั้นนอกสุดห่อหุ้มเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่ง เป็นผนังแข็งแรง ซึ่งส่วนใหญ่สร้างจากสารเซลลูโลส (Cellulose) เป็นส่วนที่ไม่มีชีวิต ทำให้เซลล์ทนทาน แข็งแรง แม้ว่าเซลล์ อาจตายไปแล้วก็ตาม และเป็นเนื้อเยื่อที่ยอมให้สารต่าง ๆ ผ่านเข้าและออกจากเซลล์ได้ หน้าที่ ทำให้เซลล์พืชแข็งแรงคงรูปและป้องกัน อันตรายให้กับเซลล์พืช อาหาร อากา 0 ผนังเซลล์ที่พบในคอร์กเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต 2. ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) เป็นส่วนที่อยู่ภายในเซลล์ทั้งหมดยกเว้นนิวเคลียส มีลักษณะกึ่งเหลว ส่วนใหญ่เป็นน้ำและมีสารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น น้ำตาล กรดอะมิโน โปรตีน ไขมัน และของเสียต่าง ๆ จากกิจกรรมของเซลล์ละลายและแขวนลอยอยู่ ภายในไซโทพลาซึมมีโครงสร้างเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ออร์แกเนลล์ (Organelle) กระจายอยู่ทั่วไป มีหลายชนิดและแต่ละชนิดมีรูปร่าง ลักษณะ และหน้าที่แตกต่างกันในกระบวนการ ดำรงชีวิตของเซลล์ ศ บ

ยังไม่เคลียร์ จำนวนคำตอบ: 1
วิทยาศาสตร์ มัธยมต้น

ช่วยหน่อยค่ะไม่เข้าใจ

A ร กิจกรรม ผลของอุณหภูมิ ตสภาพละสายไม้ของสาร จุดประสงค์ - เพื่อทดสอบผลการละลายของสารที่อุณหภูมิต่าง ๆ วัสดุอุปกรณ์ 1. บีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร จำนวน 3 ใบ 2. ตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กันลม 3. สารเคมีต่าง ๆ ได้แก่ น้ำกลั่น เอทิลแอลกอฮอล์ เกลือ น้ำตาลทราย และคอปเปอร์ (II) ซัลเฟต ปฏิบั 4. กระบอกตวง 5. แท่งแก้วคนสาร 6. น้ำแข็ง - - การจาแนกประ - การกำหนดและควบคุมตัวแบ - การลดความเห็นจากข้อมูล จิตวิทยาศาสตร์ - ความสนใจ ความมีเหตุผล ช้าสวร 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน ออกแบบการทดลองเกี่ยวกับผลของอุณหภูมิต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้วัส อุปกรณ์ และสารเคมีที่กำหนดให้ โดยแผนการทดลองมีองค์ประกอบ ดังนี้ - ปัญหา - สมมติฐาน - ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม - สารเคมีและอุปกรณ์ที่ใช้ - วิธีการทดลอง - ตารางบันทึกผล 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอแผนการทดลองที่ร่วมกันออกแบบไว้ แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความถูกต้อ แผนการทดลอง และปรับปรุงแผนการทดลองให้ถูกต้องเหมาะสม 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามที่ออกแบบไว้ 4. ให้นักเรียนและกลุ่มนำเสนอผลการทดลอง คำถามท้ายกิจกรรม 1. นักเรียนเลือกสารใดเป็นตัวทำละลายและตัวละลาย เพราะเหตุใด - เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง การละลายของตัวละลายในตัวทำละลายเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร อุณหภูมิมีผลต่อสภาพละลายได้ของสารหรือไม่ อย่างไร อภิปรายผลกิจกรรม จากกิจกรรม พบว่า อุณหภูมิมีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร ซึ่งเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ตัวละลายจะละลายในตัวท ขึ้น แต่เมื่ออุณหภูมิลดลง ตัวละลายจะละลายในตัวทำละลายได้น้อยลง

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
ภาษาอังกฤษ มัธยมปลาย

help please ช่วยแปลให้เราหน่อยได้มั้ยคะต้องการมากๆ😭

owl with Characters Larger tha In any book, cartoon or film we all love to see the heroes defeat the villains, save the world, win the girl and live happily ever after. But just between you and me, don't we feel a little bit sorry for the villains as well? Batman is the superhero protector of Gotham City. After witnessing the murder of his parents as a child, he swore to fight crime. He does not have any superhuman powers, but relies on his intelligence, athletic ability and scientific knowledge. He wears a costume that acts like armour. His cape can spread out like wings which can be used to glide down safely from heights. As a crime fighter, Batman faces several enemies. His biggest enemy is the Joker, a violent maniac with a clown-like appearance. The Joker, a master criminal, has chalk- white skin, green hair and a permanent grin stretched across his face. At one time he can be mischievous and funny, but at other times violent, brutal and cruel. He has no superpowers, instead he is intelligent and good at chemical engineering and weapon design, which he uses to create instruments of terror. One of the most powerful villains is Thanos. He is much larger than the average human, with powerful muscles, a broad face and purple skin. He often wears Life a protective suit of armour, and a glove that can harness power from infinity stones. Thanos plans to use this power to erase half of the human population. Due to this, he is seen as an enemy by many, notably Iron Man who teams up with other heroes, the Avengers, to try to stop him. Iron Man is identified by the armour he wears, which he largely made for himself. Though he has no superpowers, his armoured suit gives him strength, makes him fly, and shoots rays from the palms of his metal gloves. He also has a device on his chest that helps his damaged heart to beat well. Once a good fairy, Maleficent suffered a betrayal from King Stefan that turned her pure heart to evil. To revenge, she placed a curse upon the king's newborn daughter, Princess Aurora, which she makes to only be broken by the kiss of true love. Later on, Maleficent developed a maternal love for the princess. That love broke the curse when she kissed Aurora on the forehead. Whether heroes or villains, these are the characters I admire the most. I love to watch the heroes fight the villains and eventually see good win over evil. I also can't help feeling for the villains and their weaknesses; I just love to hate them! These stories are timeless and the characters are definitely larger than life.

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0