รบกวนช่วยหน่อยค่ะ แนะเป็นแนวทางก็ได้🥺

1. อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนเนินที่มีควาวมชัน 8 = 12° เมื่อรถคัน A ไถลลงมาชนรถ B ซึ่งจอดนิ่งอยู่ห่างออกไปเป็น = ระยะ d = 24 m โดยที่รถ A มีความเร็วต้น 18 m/s ถ้าพื้นถนนมีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตเป็น 0.8 และ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์เป็น 0.6 จงหาความเร็วขณะที่รถ A ไปชนรถ B 2. กล่องมวล 3 kg ไถลลงมาตามพื้นเอียงที่มีความยาว 1 m และทำมุม 300 กับพื้นราบ โดยกล่องเริ่มเคลื่อนที่ จากหยุดนิ่ง และ ให้ค่าความเสียดทานคงที่ระหว่างกล่องกับทุกพื้นสัมผัสเป็น 5 N จงหา a) อัตราเร็วของกล่องที่ปลายพื้นเอียง b) ระยะทางที่กล่องเคลื่อนที่ต่อไปบนพื้นราบ h = 5m mu B h d = 1m Vo = 0 m/s 3. ทรงกลมตันมวล M ไถลมาบนพื้นที่ไม่มีความผิด โดยมีอัตราเร็วคงที่ 44 ก่อนตกมาจากโต๊ะที่สูง 5 จากพื้น ถูก กระสุนมวล m ที่มีอัตราเร็ว 42 ยิงเข้าใส่และฝังอยู่ในมวล M จงหาระยะที่ทรงกลมตันเคลื่อนที่ลงมาถึงพื้น (d) Mul 0 = 30° d Mtm

ช่วยสรุป แล้วก็ทำเป็นข้อๆให้หน่อยได้มั้ยคะ🙏🏻

dtac-T.Better Together 13:36 บทบัญญัติที่ 4 : คนตอบสนอ cdn.fbsbx.com 4 44%E เรียบร้อย สนองต่อสิ่งจูงใจ เนื่องจากคนตัดสินใจโดยเปรียบเทียบต้นทุนและผลประโยชน์ ดังนั้น พฤติกรรมของคนจึงเปลี่ยนเมื่อ โครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์เปลี่ยนไป นั่นคือ คนตอบสนองต่อสิ่งจูงใจ นั่นเอง เมื่อราคาแอปเปิลสูงขึ้น คนก็ตัดสินใจซื้อลูกแพร์มากขึ้น ซื้อแอปเปิลน้อยลง เพราะต้นทุนในการได้มาซึ่งแอปเปิลสูงขึ้น ใน ขณะเดียวกัน ชาวสวนแอปเปิลตัดสินใจจ้างคนงานมากขึ้น และปลูกแอปเปิลมากขึ้น เนื่องจาก ผลประโยชน์ จากการขายแอปเปิลสูงขึ้น บทบาทหลักของสิ่งจูงใจในการกำหนดพฤติกรรมมีความสำคัญสำหรับการออกแบบ นโยบายของรัฐ(Public Policy) นโยบายของรัฐมักเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์ของกิจกรรม ภาคเอกชน เมื่อผู้กำหนดนโยบายล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แสดงว่านโยบายรัฐอาจก่อให้เกิดผลที่ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ตัวอย่างของผลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากนโยบายของรัฐ เช่น นโยบายว่าด้วยเข็มขัด นิรภัยและระบบป้องกันความปลอดภัยรถยนต์ ในทศวรรษ 1950 รถที่มีเข็มขัดนิรภัยมีจํานวนน้อย ต่างจากใน ปัจจุบันที่รถทุกคันล้วนมีเข็มขัดนิรภัย เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงก็เพราะ "นโยบายของรัฐ" นั่นเอง ในช่วง ปลายทศวรรษ 1960 หนังสือของ Ralph Nader ที่ชื่อ “Unsafe at Any Speed” ก่อให้เกิดกระแสเกี่ยวกับความ ปลอดภัยของรถยนต์ รัฐสภาสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องสร้างอุปกรณ์รักษาความ ส่ ปลอดภัย ซึ่งหมายถึงรถทุกคันต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างเข็มขัดนิรภัยด้วย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยกระทบ ความปลอดภัยของรถยนต์อย่างไร ? ผลทางตรงในเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้ามีเข็มขัดนิรภัยในรถทุกคัน คนก็คาด เข็มขัดนิรภัยกันมากขึ้น และโอกาสที่จะรอดจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่มีมากขึ้น ในแง่นี้ เข็มขัดนิรภัยช่วยรักษาชีวิต ผลดีทางตรงด้านความปลอดภัยนี้จูงใจให้รัฐสภาออกกฎหมายดังกล่าว แต่การทำความเข้าใจผลทั้งหมดของ กฎหมายต้องตระหนักว่า คนเปลี่ยนพฤติกรรมโดยตอบสนองสิ่งจูงใจที่เขาเผชิญอยู่ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องใน กรณีนี้คือการขับรถเร็วและความระมัดระวังในการขับรถ การขับรถช้าและระมัดระวังมีต้นทุนเพราะสิ้นเปลือง เวลาและพลังงาน เมื่อผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลตัดสินใจว่าจะขับรถอย่างปลอดภัยเพียงใด ก็จะเปรียบเทียบ ผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการขับรถอย่างปลอดภัยกับต้นทุนส่วนเพิ่ม เขาจะขับรถช้าและระมัดระวังเมื่อ ผลประโยชน์จากการเพิ่มความปลอดภัยสูงกว่า นี่เป็นการอธิบายว่าทำไมคนถึงขับรถช้าและระมัดระวังขณะ ถนนลื่นมากกว่าสภาพถนนปกติ หากเราพิจารณาว่าการออกกฎหมายให้คาดเข็มขัดนิรภัยเปลี่ยนแปลงการ คำนวณต้นทุนและผลประโยชน์ของผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลอย่างไร ? พบว่าเข็มขัดนิรภัยทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุบัติเหตุ มีต้นทุนต่ำลงเพราะการคาดเข็มขัดนิรภัยช่วยลดความน่าจะเป็นในการบาดเจ็บและล้มตาย ดังนั้น เข็มขัดนิรภัย ลดผลประโยชน์จากการขับรถช้าและระมัดระวังลง ผู้ขับขี่ก็ตอบสนองต่อการใช้เข็มขัดนิรภัยโดยขับรถเร็วขึ้น และลดความระมัดระวังในการขับขี่ลง ผลสุดท้าย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยทำให้จำนวนอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น 5 แล้วกฎหมายกระทบจำนวนคนตายจากการขับขี่อย่างไร ? ผู้ขับขี่ที่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจมีโอกาสรอดชีวิตมาก ขึ้นจากอุบัติเหตุแต่ละครั้ง แต่โอกาสเกิดอุบัติเหตุอาจเพิ่มจำนวนมากครั้งขึ้น จำนวนคนตายสุทธิในประเด็นนี้ยัง ไม่ชัดเจน ยิ่งกว่านั้น การที่ผู้ขับขี่เลือกลดความระมัดระวังในการขับขี่ลงส่งผลกระทบทางลบต่อคนเดินถนน (และผู้ขับขี่ที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย) เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุของคนเหล่านี้สูงขึ้นและไม่ได้รับการป้องกัน จากเป็นข้อมกัน ดังนั้น จอมมายว่าด้วยเข็มขัดนิรฉันมีแนวโน้มทำให้จำนวนการตายของคนเดินถนนเพิ่มสูงขึ้น 3

มีใครพอจะอธิบายได้ไหมคะ

1. จากสารประกอบต่อไปนี้ CFC3 CsBr PCl3 NaO2 BrF3 CaF2 C₂H5OH NaOH SCl2 MgCl2 BeCl2 ให้ระบุว่าเป็นสารประกอบไอออนิก หรือ สารประกอบโคเวเลนต์ 2. โดยอาศัยข้อมูลพลังงานพันธะ จงหาว่าปฏิกิริยาต่อไปนี้สุดหรือคายความร้อนกี่กิโลจูลต่อโมลของสารตั้งต้น (กรณีที่สารที่เกี่ยวข้องอาจมีโครงสร้างเรโซแนนซ์ ให้เลือกใช้โครงสร้างอันใดอันหนึ่งเป็นตัวแทน) dd C. C₂H4 + Br2 C₂H4BR2 4. ตอบคำถามจากโมเลกุลหรือไอออนที่ให้ ต่อไปนี้ COC, ICL, O, PH 4.1 วาดโครงสร้างลิวอิส d. 4.2 ทํานายรูปร่างโดยใช้หลัก VSEPR 4.3 บอกชนิดไฮบริไดเซชันที่อะตอมกลาง 4.4 โมเลกุลใดบ้างที่มิไดโพลโมเมนต์ 5. เปรียบเทียบโมเลกุลต่อไปนี้ โมเลกุลใดมีขั้วมากกว่ากัน (มีค่าไดโพลโมเมนต์มากกว่า a. CO₂ vs. S0₂ b. 30 CI H A A CI VS. 7. จงเรียงลำดับขนาดมุมพันธะ 0, 0, 0, และ 0, ของสารต่อไปนี้ จากมากไปน้อย H H 0₂ H O INM₂ -N-H |--04 H 11. สารใดมีแรงยึดเหนี่ยวชนิดแรงลอนดอนเท่านั้น H2S SF, PC3 AsF5 NO2 HNO3

ช่วยแก้โจทย์ได้ไหมคะ

9. แก๊สผสมหนึ่งประกอบด้วย He 50.00% และ Xe 50.00% โดยมวล ถ้าแก๊สนี้มีปริมาตร 1.00 L ที่อุณหภูมิ 100 °C และความดัน 600 torr จงหาความดันย่อยของ He และ Xe 10. ที่สภาวะเดียวกัน แก๊ส A มีความหนาแน่นมากกว่าแก๊ส Br, จงเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของแก๊ส A และ Br2 B 2 เท่า ถ้าแก๊ส (PHe = 582 torr, Pxe = 18 torr) B มีอัตราการแพร่เป็น 3 เท่าของแก๊ส (แก๊ส A แพร่ได้เร็วกว่า Br2 2.1 เท่า)

Reading 3. Write the topic sentence of each body paragraph: Body Paragraph 1: ............................................................ อ่านต่อ

เทคนิคFluorescence spectrophotometryคือ

ใครพอทราบคำตอบมั้ยยค้ะ..?😅

ใบงานที่ 3.2 Listening Exercise 2: Listen to two conversations and fill in the blank with the given word. Conversation 4 hold on go ahead I've got as soon as Linda: Jack is not here right now. Would you like to leave the message? Helen: This is his wife.(1).................... you ask him to call me back at my office. Linda: I'll take that down (2).. a moment, please OK. (3). Helen: My office number is 0-245-784-631 extension 115. Linda: Yes, (4). Helen: That's right. Linda: I'll tell him to call you (5). Helen: Thank you very much. ...that. 0-245-784-631 extension 115. Right? hear he gets back. could Conversation 5: speak up calling Jill: Hi, Andrew, I've been (6).. Andrew: Hello. Could you (7). calling? Jill It' Jill! Can you (8).... .........me?. Andrew: Hello, Jill. What's wrong with the phone? Is your battery dying? Jill: The line is terrible. Let me....................and call you right back. (Jill dials again.) Man: Hello? Jill: Is that Jill? Man: There's (10).. hang up no one ..you for a long time. But the line has been busy. ........little, please? I can hardly hear you. Who's ...by that name here. I think you have the wrong number.

ใครพอทราบคำตอบมั้ยยค้ะ..?😅

ใบงานที่ 3.2 Listening Exercise 2: Listen to two conversations and fill in the blank with the given word. Conversation 4 hold on go ahead I've got as soon as Linda: Jack is not here right now. Would you like to leave the message? Helen: This is his wife.(1).................... you ask him to call me back at my office. Linda: I'll take that down (2).. a moment, please OK. (3). Helen: My office number is 0-245-784-631 extension 115. Linda: Yes, (4). Helen: That's right. Linda: I'll tell him to call you (5). Helen: Thank you very much. ...that. 0-245-784-631 extension 115. Right? hear he gets back. could Conversation 5: speak up calling Jill: Hi, Andrew, I've been (6).. Andrew: Hello. Could you (7). calling? Jill It' Jill! Can you (8).... .........me?. Andrew: Hello, Jill. What's wrong with the phone? Is your battery dying? Jill: The line is terrible. Let me....................and call you right back. (Jill dials again.) Man: Hello? Jill: Is that Jill? Man: There's (10).. hang up no one ..you for a long time. But the line has been busy. ........little, please? I can hardly hear you. Who's ...by that name here. I think you have the wrong number.

ใครพอทราบคำตอบมั้ยยค้ะ..?😅

ใบงานที่ 3.2 Listening Exercise 2: Listen to two conversations and fill in the blank with the given word. Conversation 4 hold on go ahead I've got as soon as Linda: Jack is not here right now. Would you like to leave the message? Helen: This is his wife.(1).................... you ask him to call me back at my office. Linda: I'll take that down (2).. a moment, please OK. (3). Helen: My office number is 0-245-784-631 extension 115. Linda: Yes, (4). Helen: That's right. Linda: I'll tell him to call you (5). Helen: Thank you very much. ...that. 0-245-784-631 extension 115. Right? hear he gets back. could Conversation 5: speak up calling Jill: Hi, Andrew, I've been (6).. Andrew: Hello. Could you (7). calling? Jill It' Jill! Can you (8).... .........me?. Andrew: Hello, Jill. What's wrong with the phone? Is your battery dying? Jill: The line is terrible. Let me....................and call you right back. (Jill dials again.) Man: Hello? Jill: Is that Jill? Man: There's (10).. hang up no one ..you for a long time. But the line has been busy. ........little, please? I can hardly hear you. Who's ...by that name here. I think you have the wrong number.

ช่วยหน่อยค่ะ

Places to stay 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. a. Useful vocabulary and expressions 1. Complete the phrases with the correct words in the blank. change 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 46 check in find make pack rent take (x2) a reservation money your suitcase a tour a car a restaurant/a museum a train / a bus to the airport at a hotel / at an airport 2. Do you know these words? Match them with the definition. homestay hostel motel cottage Inn mansion resort villa a place to stay while you're on vacation or on the road, they are usually smaller and more charming than hotels a type of house that was originally an ancient Roman upper-class a roadside hotel designed primarily for motorists a small lodging establishment that offers overnight accommodation and breakfast accommodation for travelers and for youth groups, providing shared accommodation a large house. It is big enough for an owner, his family, and their servants. a place where people go for a holiday: a tourist/holiday/vacation country house Where visitors share a residence with a local of the city to which they are traveling. A small, single-storied house, especially in the country. B&B