POL2301 : ตอบคำถามท้ายบท/สรุป

185

15760

0

วรรณราช สรุปชีส/เกร็ดความรู้ /เรื่องราวอื่นๆ

วรรณราช สรุปชีส/เกร็ดความรู้ /เรื่องราวอื่นๆ

POL2301 : องค์การและการจัดการในภาครัฐ

เนื้อหาสารบัญ จะแบ่งเป็น 4 ส่วน
- ส่วนที่1 : ความรู้เบื้องต้นเรื่ององค์การและการจัดการในภาครัฐ [บทที่1-4] (โดย พงศ์สัณห์ ศรีมทรัพย์ : อ้างอิง)
- ส่วนที่2 : พัฒนาการของทฤษฎีองค์การและการบริหาร [บทที่5-7] (โดย พงศ์สัณห์ ศรีมทรัพย์ : อ้างอิง)
- ส่วนที่3 : โครงสร้างแบะการออกแบบองค์การ [บทที่8-16] (โดย ชลิดา ศรมณี : อ้างอิง)
- ส่วนที่4 : กระบวนการบริหารองค์การ [บทที่17-21] (โดย พงศ์สัณห์ ศรีมทรัพย์ และ ชลิดา ศรมณี : อ้างอิง)
**** ผมตอบคำถามท้ายบท/สรุปPOL2301ตำราเรียนของรามคำแหง ตามความเข้าใจของตนเองผิดพลาดประการใด ขออภัย ล่วงหน้า *****

PromotionBanner

ノートテキスト

ページ1:

คำถาม ท่าขนที่ 4 หนังสือ 90230 : องค์การ และการจัดการในภาครัฐ)
คำถามท้ายบท :
(
บทที่ 1 : ความหมายและความสำคัญขององค์กร และการบริหาร
1. จงอธิบายความหมาย และ ความแตกต่างของ( 3) คำนี้
อวด คาร
รบริหาร
เงิน
ตอบ 5 องค์การ หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัย
ภายในการบริหาร อันได้แก่ ทรัพยากรที่เป็นมนุษย์ เน
วัสดุ สิ่งของ และ เทคโนโลย เพื่อให้เกิดการ ด้านใน งาน
ตามวัตถุประสงค์ ที่ตั้งใจไว้
D
เป็นไป
- การบริหาร หมายถึง ความพยายามในการดำเนินงาน
หรือ เป็น ขบวนการ ๑๒ ของบุคคล ตั้งแต่ 2 บุคคลที่
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจเอาไว้ โดยคำนึงถึงการ
สรรา พยากร ที่มีประสิทธิภาพเป็นการดำเนินงาน
เป็น วน ที่เกิดขึ้นในอดีต

ページ2:

ความแตกต่าง 10) * องค์การ
การบริหาร่
อาจเปรียบได้ว่า องค์การ หรือ หน่วยงาน ของการบริหารเป็นเสมือนรับขายของ
d
มนุษย์ ประกอบด้วยระบบต่างๆ
มากมาย ส่วนการบริหาร เปรียบเสมือน
ความคิด) จิตใจของมนุษย์ ที่เป็นตัวชักนำการดำเนินชีวิต
2. จงอธิบายคำต่อไปนี้
ทรัพยากรการบริหร่
องค์กรที่เป็นทางการ
0
องค์กรของรัฐ
องค์การปฐมภูมิ
องค์การ ทางสังคม
ตอบ 5 องค์การ ของรัฐ หมายถึง องค์การที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ
ทั้งหมด หรือมีหุ้นส่วนเป็นสัดส่วนมากกว่าเอกชน ก
ขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ของคน จำนวน มาก

ページ3:

M
• องค์การทางสังคม ได้แก่ องค์กรที่มีเป้าหมาย เพื่อดำรงรักษาไว้
ซึ่งความเจริญเติบโต และความผาสุกของปวงชน เช่น องค์การทางด้าน
การศึกษา สาธารสุข ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม เป็นต้น
• องค์การเบื้องต้น หรือ องค์การปฐมภูมิ (Primary, Organization)
องค์การเบื้องต้น เป็นองค์การที่พึ่ง กำเนิดขึ้นมา ยัง ไม่มีการระบุอำนาจ
หน้าที่ และโครงสร้างขององค์การไว้ชัดเจนนัก
1. ความสัมพันธ์ภายในองค์การ
- ทององค์การ
- เริ่มปรับวัตถุประสงค์ขององค์กร ลักษณะ โดยตรง ค่อนข้าง
มาก
• องค์การ ที่เป็นทางการ ( For renal Organization)
หมายถึง องค์การที่มีกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดโครงสร้าง กำหนด
ระบบความสัมพันธ์ ภายในไว้อย่างชัดเจน มีกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ให้
ผู้อยู่ในสังกัด อึดถือปฏิบัติ แนวทางเดียวกัน ผู้ที่ทำงานในองค์การ
เช่นนี้ จะรู้ว่า ของความรับผิดชอบของตนเอง อย่างชัดเจน

ページ4:

- ทรัพยากรการบริหาร
4M.
ก
แบ่งได้ 4 ประเภท ที่เรียกว่า
(1) ทรัพยากรมนุษย์ (Han) เป็นเงื่อน
เงื่อนไขสำคัญ
ของการเกิดองค์การ และ การ บริหาร กล่าวได้ว่าองค์การ และการบริหาร ทำ
ให้เกิดระบบการแบ่งหน้าที่กันทำงาน
โดยยึดหลัก ความสามารถและความ
หนัด ความรู้ในเรื่องการแบ่ง หน้าที่กัน ทำงานจัดเป็นเทคโนโลยี่ ของสังคมอย่าง
ส่วนความสามารถและความถนัด เบลนเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝน
ตามระดับสติปัญญา และ ระบบการศึกษาของสังคม
หนึ่ง
พัฒนา
20-60
- วัยทำงาน มนุษย์ 20 - 5 ปี (4ปี)
2.ทรัพยากรในรูปเงินทุน
(Money) เงินเป็นสื่อกลางในการ
แลกเปลี่ยนทรัพยากขึ้นๆ
-
- งบ ประมาณ ต้องวางแผนที่
- คำนึง ประโยชน์ องค์การ และ สังคม ระว
(3) ทรัพยากร ในรูปวัตถุ ส่วut) (Material), สิ่งที่ อำนวย
ความสะดวกในการบริการ มองได้ว่า เป็นเทคโนโลยีการบริหาร
(4.)นรู้ ในการจัดการ ( Management) ความสามารถของ
ผู้บริหาร ดูแล ประสานกิจกรรมต่าง ๆ ถ่ายทอดประสบการณ์ ขององค์
การ จาก ถึง ปัจจุบัน

ページ5:

3. องค์การ อรูปนัย มีประโยชน์อย่างไร บาง อย
1.
ตอบ - ประโยชน์ ขององค์กรที่ไม่เป็นทางกร
เป็นการตอบสนองต่อความต้องการทางสังคม งานที่บุคคลหนึ่งๆ ทำ
อาจเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ จับกับมีงานอดิเรกอย่างอื่น เป็นสิ่งที่บุคคล
นั้นๆ ชอบ
ช่วยสร้างความรู้สึกที่ได้เป็น เจ้าของขึ้น สร้างองค์การของตนเองขึ้น
มนุษย์ทุกคนที่สั้น ปาตญาณ ที่สอบ เป็น เจ้าของ และอยากจะได้เป็นเจ้า
ของในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา องค์กรที่เป็นทางการ อาจไม่สามารถสร้างความ
รู้สึกดังกล่าวขึ้นได้ เขาเหล่านั้นจึงต้องรีบจะดี การที่ไม่เป็นทางการของ
ทนง น
3. ค้นหาบุคคลที่มี พฤติกรรมคล้ายงาน องค์การที่ไม่เป็นทางการ สามารถเป็น
ที่รวมของบุคคลที่มีพฤติกรรมลักษๆ เพื่อได้มีโอกาสสร้างสรรค
แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ และทัศนะ ซึ่งกันและกัน เช่น งาน
สัวสดี ผู้บริหารระดับสูง สโมสร 10 3 -35% เป็นต้น
ฟ

ページ6:

J
ve
4. เป็นที่ระบายความรู้สึก องค์การที่ ไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถ ส่วน
ให้สมาชิกได้เข้ามาระบายความรู้สึก ซึ่งอาจเกิด จากคอมครัว หรือ
ทุกองค์กรที่เป็นทางการ ที่เทพเจ้านั้นมีส่วนร่วมอยู่ ซึ่งออก
ที่เป็นทางการ บุคคล ที่สังกัด จะถูกระบบความสัมพันธ์ ภายใน อำนาจ
หน้าที่ และ ตำแหน่ง เป็นอุปสรรค ในการะบาย ความรู้สึกของคน
5. เป็นโอกาส ในการแสดงอิทธิพล องค์การที่ไม่เป็นทางการ ช่วยปรับ
อิทธิพลให้ กับบุคคล
หลายๆ ประเภทได้ ซึ่งคนเหล่านั้น อาจไม่มีโอกาส
ที่จะแสดงอิทธิพลได้ในองค์การมาทางการ ผู้ทรงอิทธิพลทั้ง
หลงรักให้องค์การที่ไม่เป็นทางการเป็นที่สะสมลูกน้องและสรับอิทธิพล
ให้กับตัวเอง

ページ7:

องค์การที่ได้
6. โอกาสในการแสดงออกทางวัฒนธรรมประเพณี
เป็นทางการ ช่วยรักษา ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมประเพณี เป็น
ที่รวมของบุคคล ที่รักศิลปะ และ ประเพณีของชาติให้เข้ามาร่วมจนรักษา
และการรักษาประเพณีที่ดีไว้ เช่น วันลอยกระทง เป็นต้น
ส
ช่วยหาข่าวสารและ การติดต่อ นอกจากนี้ องค์กรที่ไม่เป็น mom
ยังช่วยให้บุคคลที่ทำงานในองค์การที่แตกต่างกัน ได้มีโอกาสพบปะ
สังสรรค์ มีการติดต่อกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน ข่าวสารกันที
ในระบบ องค์กรต่างชนิดกัน และทำให้ เกิด สัมพันธภาพที่ดี
ต่อกัน ระหว่างองค์กรทัง เม ในสังคม
A

ページ8:

บทที่ 2: สิ่งแวดล้ อมล
อม ขององค์การ สาระ
1. Herbert Kaufman. พบว่า ผู้บริหารมีกิจกรรมเป็น 4
ประการ และจากพระส่วนใหญ่เกี่ยวข้อง กับสิ่งแวดล้อมขององค์กร จะอธิบาย
รายละเอียด ดังกล่าว
man. 4
ตอบ และชี้ให้เห็น
ศึกษาบทบาทของผู้บริหาร และ ให้เห็นว่าผู้บริหาร ของ
องค์การสงสารนะ นักร้องสละเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำความเข้าใจ
ดงความเป็นไปของสภาพแวดล้อม กรของตน โดยได้ศึกษา จากระบบการบริหาร
ในระดับภาครัฐบาลกลายสตร์อเมริกา พบว่าผู้บริหารมีกิจกรรมที่สำคัญอยู่ 4
ประการ
(1) การตัดสินใจ
(1) การรับ และ กรองข้อมูล ข่าวสาร 30 - 60 /
10-20% (3) การเป็นตัวแทนขององค์การ ในการติดต่อกับ หน่วยงานอื่น ๆ 25-30%
(4.)การจูงใจให้ปฏิบัติงานในองค์กรเกิดดำเนินงาน ตามวาระ หน้าที่

ページ9:

101 C๓๐)
ผลการศึกษาถึงการใช้เวลาายผู้บริหาร ภารกิจทั้ง 4 ประเทศ ข้างต้น
พบว่า ผู้บริหารใช้เวลาเพียง 10 - 20 % ของทั้งหมด กับ ภารกิจที่ (ๆ) และ
(4) ซึ่งจัดเป็น Sure Internal Management โดยใช้เวลาน้อยมาก
กับภารกิจที่ตัดสินใจ ขณะที่ใช้เวลาประมาณ 25 - 30 % ของเวลาทั้งหมด
15 - 20 %
ให้กับบทบาทของการเป็นทัวแทน และใช้เวลาถึง 50-60% ของเวลาทั้งหมด
ให้กับการแสวงหา ข้อมูล ทวาร จากสังคม อาจกล่าวได้ว่าย ภายนอก หรือสิ่ง
แวดล้อมขององค์กร มีความสำคัญยิ่งต่อองค์การ ผู้บริหาร ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ เพื่อ
ให้ความสำคัญ และทำความเข้าใจ
1

ページ10:

Chappell
2. สภาพแวดล้อมภายนอกตามทัศนะ ของ Barton และ
ประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง และมีผลกระทบ ต่อองค์การสาธารณะอย่างไร
ตอบ
วิธี
1.
สภาพแวดล้อมภายนอก (Outer หรือ Secondary)
to (External Environment)
หรือ
เป็นสภาพแวดล้อมโดยทั่ว ๆ ไป มีอิทธิพลต่อ ทุกๆ องค์การ ใน
สังคม แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
D
มีบทบาทน้อยกว่า เอกชน และจะมีมากขึ้น
(1.) สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
: ม ง ก รุ่งเรือง
เมื่อ เศรษฐกาตา
(4.) สภาพแวดล้อมทางสังคม
.
-
- วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม และ ความเชื่อ
-การ กษา
กาวะ mtmฟ
ปัญหาสังคมต่างๆ
28.) สภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลย
- ความเ ก รรมบนส่งมวลชน
ความเจริญ ด้านการติดต่อสื่อสาร
-คทมเจริญ ด้าน คอมพิมเตอร์
มีความรู้ในการใช้พลังงานนิวเคลียร์

ページ11:

หรือ
2. 1 Al Mamie Political Environment) nto (Primary
o Inner Environment)
- กลบใน การที่จะสร้าง ข้อเรียกร้องจากสภาพแวดล้อมภายนon
(1) สารสิน โดยทั่วไป ( The Public)
(2) ผู้รับบริการสาธารณะ และกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ (Client Group)
(3.) สื่อมวลชน ( The Media) : ทำหน้าที่สื่อความเข้าใจระแทว กัน
สารเร่ณ ชั้น .
(๑) ฝ่ายนิติบัญญัติ (The Legislature) : อกกฎหมาย เพื่อใช้เป็นกฎ
เกณฑ์ ในการบริหารงานของ
องค์การสาธารณะ
(5.) ผู้บริหารระดับสูง ( The Executive) : มีอำนาจในการ กำหนด
นโยบายในการทำงาน กำหนดนโยบายการบริด จะใช้แบบรวมอำนาจ หรือ
กระทง เกจ
ผู้บรินประดับสูง จะพิจารณา 0 19 ภาวะผู้นำ (Leadership)
(6.) กระบวนการยุติธรรม ( Judiciary) : ระบบของสังคมที่ทำหน้าที่สร้าง
ความเป็นธรรมให้ ประชาชน กับ ประชาชน หรือ รัฐ กับ มช.

ページ12:

พแวดล้อมภายในขององค์การสาธารณะ ประกอบ
สถาบันทางการเมืองที่จัดเป็นสภาพแวดล้อมภายใน
ด้วยสถาบันใดบ้าง และมีบทบาทต่อองค์กรสาธารณะอย่างไร
ตาม
(จ. สาธารณสินโดยทั่วไป (The Public) หมายถึง ความต้องการ สาระที่
ประชาชนโดยทั่วไปต้องการให้รัฐดำเนินการ ทำให้เกิดเป็นนโยบายสาธารณะ และนำไป
สู่การจัดตั้ง บริการสาธารณะในที่สุด
ในสายตาของ ประชาชน ซึ่งมีภาพลักษณ์ต่อหน่วยงานของรัฐว่า มีการ คอร์ป มันส่ง
ทำงานล่าช้า วัดลาด พลประสิทธิภาพ บางคนมองว่าเป็นแหล่งในการ หลบฉัน
งาน มอง ภาวะของการทำงานในองค์การของรัฐว่าเป็นรัฐสวัสดิการ ที่จะต้องเลี้ยงดู
ปฏิบัติงานไปจนสิ้นอายุขัย
2. ผู้รับบริการสาธารณะ และกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ (Client Group)
โดยข้อเท็จจริงแล้วบริการสาธารณะไม่ได้มีผลต่อประชาชนทุกคนเสมอกัน สาธารนานมี
การรวมตัวกัน
และ แบ่งเป็นกลุ่ม ผลประโยชน์อื่นๆ ที่ต่างมองไปที่ โดยการที่จะให้ผลประ
โยชน์ ต่อม
ชน์ต่องาน

ページ13:

นโยบายด้านการเกษตร จะให้ประโยชน์ เฉพาะ แต่เกษตรกร
นโยบายด้านอุตสาหกรรม จะให้ประโยชน์เฉพาะ แต่นักลงทุน และผู้ใช้แรงงาน
นโยบายประกันสังคมและสวัสดิการสังคม จะเป็นประโยชน์มากมาย กลุ่ม
คนวัย ร่า
ดังนั้น ประชาชนผู้มีผลประโยชน์ ร่วมกันจึงมีการรวมตัวกันจัดกลุ่ม ของกา
พอกลุ่มหน้าที่รักษาผลประโยชน์ ให้กับกลุ่ม
เป็นผู้ทำหน้าที่สื่อความเข้าใจระหว่าง 1 กับ
3. สื่อมวลชน (The Media)
สาธารณชน และ สารนอนกับรัฐ รัฐบาล อาจมีหน่วยงาน ของรัฐ ที่ทำหน้าที่ โดยทาง
ในการสร้างความเข้าใจที่ดี ระหว่าง รัฐ กับ ประชาชน (Public Relations) รวมถึง
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ขอให้เกิดกับสังคมทั่วไป เช่น บทบาท หน้าที่ 100 กรมประชา
(
สัมพันธ์
แหล่งข้อมูลข่าวว่า ของประชาชน และสำหรับองค์การอาร์เองยังมี ที่มาจากชื่อแห่งๆ เช่น
หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ เว็บไซด์ อินเตอร์เนต เป็นต้น
โดยทั่วไป มักพบว่า สื่อต่าง ๆ จะค้นหาความจริง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น
ๆ
เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ( เปลี่ยนผู้รับผิดชอบระดับสูงในองค์การ ) แก้ไข การปรับปรุง
การทำงาน ( เปลี่ยน ระบบงาน)

ページ14:

4.) ฝ่ายนิติบัญญัติ (The Legislature)
ด
หน้าที่ lum ออก
กฎหมาย เพื่อใช้เป็นกากมาก ในการบริหารงาน ขององค์การสาธารณะ เป็นผู้จองก
หมายในการจัดตั้งหน่วยงาน ขาหน้าที่อนุมัติงบประมาณ ตลอดถึงการติดตาม ตร
สอบการทำงาน ของรัฐบาล และรับรองการเป็นรัฐบาล ความสำคัญของฝ่ายนิติ
บัญญัติ จะมีมากในช่วงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยปรับการทำงาน ทำให้ท้อง
พระราชบัญญัติฉบับใหม่ จากนั้น บทบาทจะไปอยู่ที่ช่วงของการอนุมัติงบประมาณ
✓
การทำงาน องค์การสาธารณะ ต่างๆ มาแชแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้ ความบกพร่องในเรื่อง
ต่างๆ
ในการบริหารงานสาธารณะ
3.) ผู้บริหารระดับสูง ( The Executive )
ผู้บริหารระดับ จะหมายถึง ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายในการทำงาน
กาหนดนโยบายการบริหาร (Ainistrative Policy) จะใช้รูป
แบบรวมอำนาจ เพื่อกระจายอำนาจ จะรับฟังเสียงส่วนใหญ่ และ ทำงานเลี้ยง
ส่วนใหญ่ หรือเป็นเผด็จการรวมอำนาจ ผู้บริหารระดับสูง จะ หมายถึง ผู้ที่มี
อำนาจในการกาหนด มีชบายในการทำงาน กำหนดนโยบายการบริหาร
( Administrative Policy) จะใช้รูปแบบรวมอำนาจ หรือ
กระจายอำนาจ จะรับฟังเสียงส่วนใหญ่ และ ทำตามเสียงส่วนใหญ่ หรือ
มีขบวนในการทำงานผู้บริหารระดับสูง จะ

ページ15:

เป็นเผด็จการ ของทหาร ผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี
ที่สามารถกำหนด นโยบายสาธารณะ ปลัดกระทระทรง และ อธิบดี ที่สามารถ
กำหนดนโยบายการบริหารและมักเป็นผู้นำเสนอ นโยบายสาธารณะต่าง ๆ ไม่
สู่คณะรัฐมนตรี หน่วยงานกลุ่มที่ทำหน้าที่สร้างมาตรฐานการบริหารงาน
ให้กัน องค์การสาธารณะโดยรวม เช่น สภาพัฒนาเศรษฐกิจ และ
สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น
ค์การสาธารณะ ที่มี อิสระในตนเอง เช่น วิสาหกิจ หรือ
องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีคณะกรรมการบริหาร ของตนเอง ทำ
หน้าที่ กำหนดนโยบาย) กรม เท
9
-
ในการพิจารณา บทบาทของผู้บริหารระดับสูง อาจจะพิจารณา จาก
ภาวะผู้นำ (Leadership) ในประเด็นต่างๆ เช่น ที่มาของอำนาจ
ของผู้นำนั้น ๆ เกิดจากความสามารถ เกิดจากกฎหมาย หรือ มากก
ๆ
สภาพการณ์แวดล้อม เป็น คน ส่งเสริม หรือเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน หรือ เป็น
นักเลง อันธพาลต่างๆ

ページ16:

6.) กระบวนการยุติธรรม ( Judiciary) เป็นระบบของสังคมที่ทำหน้า
ที่สร้างความเป็นกรรมให้กับประชาชน ทั้งในระหว่างประชาชนด้วยตัวเอง
และระหว่างรัฐกับประชาชน
ON
กระบวนการยุติธรรม จึงประกอบด้วย การกำหนดบทบาทหน้าที่ ของทุก
ฝ่ายตำรวจ ทำหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิด ฝ่ายการที่ทำหน้าที่ทำ
สำนวนต่างๆ ประชาชน ผู้ถูกกล่าวหาจากมาย ความแก่
ต่างมีการ
จำแนกประเภทของคดีความ ทำให้เกิด คัดประเภทต่างๆ เช่น ศาลจราจร
ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลคดีเด็ก ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
a
การที่จะการสาธารณะ จะมีนโยบายในการดำเนินงานเป็นอย่างไร ตลอด
การ าหนดค่ามายายบาลในการบริหารงาน จึงเป็นไป ท่านกองลักษณะ
เฉพาะ 103 สภาพแวดล้อมภายนอกและสภาพแวดล้อมภายใน การเลี้ยง) 1
องค์การสาธารณะ นั้น : การศึกษาองค์การความสัมพันธ์ ระหว่างองค์การหนึ่งๆ
กับสภาพแวดวง จะมีผลทำให้องค์การนั้นๆ มีระดับของการพัฒนา ที่แตก
ทาง พ.
ม

ページ17:

4. Energy และ Trist ได้แบ่งระดับความสัมพันธ์ จะแข่งองค์การ
กับสภาพแวดล้อม เป็น 2 ระดับ ดังนั้นคือ
ตอน
⑨. Placid Randomized Environment
เป็นสภาพแวดล้อมที่สงบราบเรียบการติดต่อระหว่างองค์กร
กับสภาพแวดล้อม มีน้อยมาก และมีลักษณะไม่คงที่ แห่หอนเป็นการดื่ม
(Randomized) มากกว่า เช่น สภาพแวดล้อมของชาวเขา ร่อนเร่
ทารกในครรภ์ ไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกันสังคมภายนอก
(2. Placid Clustered Environment
เป็นสภาพแวดล้อมที่ราบเรียบแต่เริ่มมีการติดต่อ ระหว่างองค์การกัน
สภาพแวดล้อม มากขึ้น มีลักษณะเป็น Clustered คือ การกำหนดกลุ่ม
หรือลักษณะเฉพาะตัวในการติดต่อขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กที่กำลังเจริญ
เติบโต เริ่มเรียนรู้ และสัมผัสกับระบบของ ครอบครัว โรงเรียน

ページ18:

3. Disturbed - reactive Environment
ได้แก่สภาพแวดล้อมที่ประกอบไปด้วย สถาบันทางสังคม การติด
ต่อระหว่างองค์กร กับสภาพแวดล้อมเริ่มมีความยุ่งยาก ซับซ้อน
ผลของการติดต่อเป็นผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพขึ้น
เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นที่เริ่มเผชิญกับสังคม ภายนอก เริ่มประ
สบปัญหาในการแยกแยะ ความเหมาะสม ของการเข้าไปสัมผัส
4. Turbulent Field
เป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง มีการเปลี่ยนแปลง
อยู่ตลอดเวลา ผลของการติดต่อ ระหว่างองค์การกับสภาพแวดล้อม จะนำ
ไปสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมไปสู่สิ่งใหม่ เช่น
สภาพของ ระบบสังคมปัจจุบัน การทํางานในสังคม ต้องการการวิเคราะห์ที
จะช่วยในการแจกแจงให้เห็นถึงความถูกต้องเหมาะสม

ページ19:

บทที่ 3 : ความสำเร็จและกลไกในการบริหาร
บทที่3:
งานาสาระ
ตัวชี้วัดความสําเร็จในการบริหารงานสาธารณะ มีอะไรบ้าง
จงอธิบาย.
ตอบ การบริหารองค์การสาธารณะเป็นความพยายามที่จะ
ตอบ
ดำเนินการให้องค์กรสาธารณะนั้น ๆ มีการจัดรูป
ๆ
ของหน่วยงาน และมีระบบการทำงานในทิศทางที่สอดคล้อง และ
เป็นผลทำให้เป้าหมายการทำงานในระดับต่างๆ ประสบความสำเร็จ
นำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย ขององค์การสาธารณะนั้น ๆ
ในการดำเนินการดังกล่าว ต้องเป็นไปอย่าง ประหยัด
ใช้ทรัพยากรบริหาร อย่างจำกัด
โดยให้เกิดผลงาน ตามมารตฐาน
ที่กำหนด และทำให้ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหลายเกิดความพอใจ

ページ20:

กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปกครองเกี่ยวข้องกับการบริหาร
งานสาธารณะ อย่างไร จงอธิบาย
a
ตอบ การบริหารสาธารณะเป็นเรื่องของความพยายามในการจัด
** สรร ประโยชน์ให้กับประชาชนใน ชุมชน การบริหาร
งานจึงต้องเป็นไปภายใต้การศึกๆ ของสังคมที่ใช้ร่วมกัน กฎหมายหลักที่
เป็นตัวกำหนดสิทธิ หน้าที่ ของประชาชนและรัฐ ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายรัฐธรรมนูญ จะกำหนดกรอบให้การปกกรอบ ของสิทธิ
a
หน้าที่และเสรีภาพ ปอท. กำหนดกรอบในการบาลร่องโดยกำหนดบทบาทหน้า
ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และ ฝ่ายตุลาการ มีการกำหนดระบบ
ของการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รวมถึงการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบ
และกำหนดกรอบในการปกครองท้องถิ่น
A

ページ21:

บทที่ 4 : ยุทธวิธีและขอบเขตในการศึกษา
องค์การและการจัดท
จงอธิบายถึงยุทธวิธีในการศึกษา องค์การตามแนวทางของ ระบบปิด
และบอกถึงความแตกต่างจากยุทธวิธีของ “ระบบเปิด
"
ตอบ
วิธีการ ศึกษา ตามแนวของระบบปิด : ระบบปิดที่สมมติฐาน
เบื้องต้นว่า มีวิธีที่ดีที่สุดในการทำงานเพียงวิธีเดียว
(One best way) เป้าหมาย ของการจัดการ หรือการบริหาร
องค์การก็คือ การสร้างประสิทธิภาพสูงสุด หรือค้นหาวิธีการทำงานที่ดี
ที่สุด ตามความเชื่อดังกล่าว วิธีการศึกษาตามแนวของระบบปิด ต้องกร
ให้ใช้ หลักเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือ ค้นหา วิธีการกล่าว
เป็นเครื่องมือค้นหาวิธีการดังกล่าว
หลักเหตุผล เป็นเครื่องมือ ค้นหา ประสิทธิทาง การกระทำดังกล่าวจะทรา
ลงได้ ต้องสมมติให้ระบบการบริหาร ที่การศึกษาอยู่ในสภาวะ ที่หยุดนิ่ง (Static)
ใช้น
9

ページ22:

ข้อ1 (ต่อ)
ตัดปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนส่งออกไปจากการศึกษา เช่น ระบบสภาพ
แวดล้อม ของการบริหาร ระบบของสังคม ภายในองค์การ และกำหนดปัจจัย
ที่ต้องการศึกษาขึ้น เช่น ระบบโครงสร้างองค์กร ใช้วิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ เป็นหลักเหตุผล เป็นเครื่องมือ ค้นหาประสิทธิภาพ
อาจเรียกว่า วิธีการของ ระบบปิดว่า เป็นรูปแบบที่อิงอยู่กับหลักของ
เหตุและผล (Rational Model) และที่เรียกว่า ระบบปิด เพราะการศึกษา
เป็นไป เฉพาะ ปัจจัยที่กำหนดขึ้น โดยตัดปัจจัยที่กำหนดขึ้นโดยตัด ปัจจัยที่
ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง และ ปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนสูงออกไป ปัญหาต่างๆ
ถูกพิจารณาโดยสมมติว่าระบบการบริหารอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่ง (static)
พวกที่ศึกษาองค์การและการจัดการตามแนวความคิดสมัยเก่า หรือ
นักทฤษฎี องค์การ กลุ่ม คลาสสิก (Traditional Organization
and Management Theory uto Classical Organization
Theory.)

ページ23:

2.
(2) วิธีการศึกษาตามแพลของระบบเปิด : มีสมมติฐาน เบื้องต้นว่า
มีปัจจัยหลายชนิด ที่มีอิทธิพลต่อองค์การและการจัดการ และมีผลต่อรูปแบบ
และประสิทธิภาพของ การจัดการการศึกษาองค์การ และการจัดการ จึงต้องใช้
ความสำคัญต่อปัจจัยทุกๆ ชนิดที่มีอิทธิพลต่อองค์การ ระบบเปิด สนใจ
ที่ความไม่รู้ แสน สนใจสภาพแวดล้อมทุกๆ ด้านของการบริการสนใจความ
จริงที่เกิดขึ้นกับระบบการบริหาร อาเรียกระบบเปิดว่า เป็นรูปแบบ
103 ระบบตามธรรมชาติ (Natural System Model ระบบเปิด
จะศึกษาการ และการจัดการ ในขณะที่ปฏิบัติงาน หรือ ในขณะที่มีการ
เคลื่อนไหว (Dynamic) ไม่เชื่อว่า จะมีวิธีที่ดีที่สุด วิธีเดียว วิธี
ที่ดีที่สุด (ที่เลือก) ไม่จำเป็น จะต้องเป็นวิธีที่ประสิทธิภาพที่สุด
ระบบเปิด เชื่อว่าความขาดระดู ขององค์การสำคัญกว่า ประสิทธิภาพ ของ
การจัดการ ประสิทธิภาพที่แท้จริงของการจัดการ และการบริหาร คือ
2
ความสามารถ ที่องค์กรนั้น จะดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นได้ระยะยาว
• นักวิชาการศึกษาแนว
นักพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Science) หรือ
ของที่เรียกว่า เป็น นักพรติกร องค์การ (Organizational Behavior) หรือ
เรียกว่า นักทฤษที่องค์การ กลุ่ม มีโอกาสก

ページ24:

(Neoclassical Organization Theory)
พวกนี้จะศึกษาถึงสภาพความเป็นจริง ของสังคมภายในองค์การพิจารณาถึง
ความต้องการ ของบุคคลที่ทำงานในองค์การ ศึกษาถึงอิทธิพลของกลุ่มที่
ต่อการทำงานในองค์การ กล่าวได้ว่า นักวิชาการกลุ่มนี้จึงสนใจที่การพัฒนา
ทรัพยากรมนุษและให้ความสำคัญ โดยยกย่องคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์
ให้สอดคล้องกับภาวะที่เป็นจริงตามธรรมชาติ เมื่อมนุษย์ผู้ชมณ์ ที่
รู้สึก จิตใจ มีภาษาวัฒนธรรม ตลอดจน ขบวนการอบรมเลี้ยงดูที่
แตกต่างกันออกไป เป้าหมา ของการศึกษาจึงไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพเช่น
ในระบบปิด หากแต่อยู่ที่การสร้างความพึงพอใจให้เกิดแก่มนุษย์ ที่อยู่ ใน
องค์การ โดยเรียกว่า จะเป็นสิ่งที่ทำให้องค์การดำรงอยู่ได้โดยปราศจากความ
ความรู้สึก
ขัดแห่งแระยะยาว
อีกพวกหนึ่ง นักวิชาการที่ศึกษา บริหารในเชิงระบบ
(Administration: A Systems Approach)
นักวิชาการในกลุ่มนี้จะต้องถึงทฤษที่ระบบ (General System
Theory) และ ใช้ทฤษฎีระบบ เป็นเครื่องมือในการอธิบายถึงเรื่อง
ราวต่างๆ ในระบบการบริหาร ระบบการบริหารจะทุกแห่ง เป็นระบม
เราที่กำหนดลักษณะเฉพาะของระบบนั้นๆ ระบบของ ฯ ดังกล่าว จะเข้ามารวม
9 -
ซึ่งต่างก็กรอบ

ページ25:

การ
d
หรือการสร้าง
กัน ทำงานร่วมกัน และสรับดุลยภาพระหว่างกัน ทั้งนี้เพื่อให้ระบบการ
บริหารสามารถดำรงอยู่ได้ และดำเนินไปด้วยดี ในระยะยาว เป้าหมายของ
บริหารในทัศนะของทฤษฎีระบบไม่ใช่ประสิทธิภาพสูงสุด
ความแน่นอน ค้นหาตาเกณฑ์ตายตัวให้กับระบบการบริหาร หากแต่เป็น
การสร้างดุลยภาพในระยะยาว โดยการ ประสาน ความสัมพันธ์ระหว่าง ระบบ
ของการบริหารให้เกิด การดำเนินงานร่วมเย็น และสามารถ คงอยู่ ร่วม
1
SOUT
กันได้
ad
ความแตกต่างจากยุทธวิธีของ ←
พ
ระบบเปิด
ท
ระบบปิด
มีความแน่นอนสูง
คำนึงถึงประสิทธิภาพสุงสุด
-ติดปัจจัยทางด้านสังคมออกจากการศึกษา
ใช้เหตุผลและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ระหว่างเป็น เอง มือ
-
ระบบเปิด
มีความยืดหย่นมาก
คำนึงถึงความอยู่รอด
คำนึงถึงปัจจพบด้านสังคม
- ใช้การประสานประโยชน์
d
ป้ายต่าง ๆ เป็นเครื่องมือ

ページ26:

2. ระดับในการบริหารงานแบ่งแยกได้เป็นที่ ระดับ
ตอบ 3. ระดับ
1. ผู้บริหารระดับสูง - กำหนดนโยบายและเป้าหมายในทร
ทำงาน ลักษณะของการทำงานจึงเป็นไปตามของระบบเปิด
=
2. ผู้บริหารระดับกลาง - จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการประสานงาน
ระหว่างผู้บริหารระดับสูง กับ ผู้บริหารระดับต้น ทำหน้าที่นำนโยบายไป
ปฏิบัติลักษณะของการทำงานจึงเป็นไปได้ทั้งในแบบของระบบปิด และ
ระบบเปิด แล้วแต่ลักษณะ และเงื่อนไขในการทำงาน
3. ผู้บริหารระดับต้น จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการปฏิบัติ
โดยตรง ทำหน้าที่ทางด้านเทคนิคเพื่อให้ได้ผลงาน ที่มีประสิทธิภาพ ออก
มา ลักษณะของการทํางาน เป็นไปตามแบบของ ระบบปิด

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

News