ノートテキスト
ページ1:
คลื่นเสียง ธรรมชาติของคลื่นเสียง เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ โดยที่การเคลื่อนที่ของเสียงจะต้องอาศัยตัวกลาง เสียงที่เราได้ยินจะมีอากาศเป็นตัวกลาง โดยจะสั่นและถ่ายโอนพลังงานให้แก่โมเลกุลถัดไปซึ่งจะมรการสั่นในลักษณะอัด ขยายกันสลับกันไป จึงถือว่าเป็นคลื่นตามยาว แหล่งกําเนิด อืด อัด อัด ขยาย ขยาย ขยาย ขยาย MMAR กราฟการกระจัดและกราฟความ ดันจะมีเฟสที่ต่างกัน 90 หรือ T/24 rad ทิศการเคลื่อนที่ ของคลื่นเสียง การกระจัด ส่วนอัด ส่วนขยาย ส่วนอัด ส้นคลื่น ตอนอัดจะมีPมาก ความดัน การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านโมเลกุลอากาศ การสั่นโมเลกุลขณะคลื่นเสียงผ่านอากาศ ความถี่ ความยาวคลื่น และอัตราเร็วของคลื่นเสียง Titmo N/2 Wave Wavelength- A ตำแหน่งเดิม ของโมเลกุล ระยะทาง Wavelength Distance -ของแข็ง -ของเหลว -แก๊ส
ページ2:
อัตราเร็วของคลื่นเสียง ตารางแสดงอัตาเร็วของเสียงในตัวกลางชนิดต่างๆที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ตัวกลาง อากาศ ไฮโดรเจน ปรอท e น้ำ e น้ำทะเล ยู แก้ว S อะลูมิเนียม S เหล็ก Vน้อย Vมาก การหาอัตราเร็วของเสียง 1.เนื่องจากเสียงเปลี่ยนเป็นคลื่น การหาอัตราเร็วของเสียงจึงเหมือนคลื่น V=fλ\ v คือ อัตราเร็วของคลื่นเสียง (เมตร/วินาที) X คือ ความยาวคลื่นเสียง (เมตร) f คือ ความถี่คลื่นเสียง (เฮิรตซ์) อัตราเร็ว (เมตร/วินาที) 346 1,339 1,450 1,498 1,531 4,540 Kodonste 2.เนื่องจากเสียงเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ถ้าในตัวกลางเดียวกัน ณ อุณหภูมิเดียวกัน อัตราเร็วของคลื่นเสียงคงที่ s คือ ระยะทางที่คลื่นเสียงเคลื่อนที่ (เมตร) v คือ อัตราเร็วของคลื่นเสียง (เมตร/วินาที) t คือ เวลาที่คลื่นเสียงใช้ในการเคลื่อนที่ (วินาที) S V= 014 3.อัตราเร็วเสียงในอากาศ อัตราเร็วเสียงในอากาศจะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิ V₁ = 331+0.6t v คือ อัตราเร็วของคลื่นเสียง (เมตร/วินาที) t คือ อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส) เมื่ออุณหภูมิของอากาศ มีค่ามากกว่า 50 °C T เมื่อ อุณหภูมิ (เคลวิน) ✓ = T₁ FE
ページ3:
Ex.1 คลื่นเสียงมีตวามถี่ 170 เฮิรตซ์ มีอัตราเร็วในอากาศ 340 เมตร/วินาที จงหาระยะห่างระหว่างส่วนอัดกับส่วรขยายที่อยู่ใกล้กันมากที่สุด v = 331 + 0.6t Ex3. จงหาอัตราเร็วเสียงที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส vt S = 2 Ex2. เรือลำหนึ่งลอยนิ่งอยู่ในทะเลได้ส่งสัญญาเสียงลงไปในน้ำทะเล และได้รับสัญญาเสียงนั้นกลับมาในเวลา 0.6 วินาที เมื่ออัตราเร็ว ของเสียงในนําทะเลมีค่า 1500 เมตร/วินาที ทะเล ณ บริเวณนี้ลึกเท่าไร ส่วนอัดถึงส่วนขยายคือ A 2 22 340 = 2 170 V = fX Titima Meesupiawong = 331 + 0.6(25) 346 m/s im
ページ4:
การหักเหของเสียง(Refraction) เสียงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่ต่างชนิดกัน อุณหภูมิก็รวมด้วย 2 sine, A, sine, = A2 = Tสูง pน้อย Tต๋า pมาก V₁ V2 = หมาก, มาก, มาก vน้อย, น้อย, น้อย T₁ T 2 B2 คือ มุมตกกระทบ คือ มุมหักเห A1,A2 คือ ความยาวคลื่นเสียงในบริเวณที่1 และ2 ตามลำดับ V1, V2 คือ อัตราเร็วของคลื่นเสียงในบริเวณที่1 และ2 ตามลำดับ T1, T2 คือ อุณหภูมิของอากาศบริเวณที่1 และ2 ตามลำดับ T ต่ำ V อย T สูง V มาก e Je เท่านั้น* *Tต่ำ →Tสูง มุมวิกฤต e มุมวิกฤต=มุมตกกระทบ ที่ทำให้มุมหักเหมี่ค่าเท่ากับ 90องศา T ต่ำ 02 V น้อย Titima Meesuppaong Ex4. เสียงระเบิดใต้น้ำ หักเหขึ้นสู่อากาศโดยมีมุมตกกระทบ 30 องศา จงหามุมหักเหที่ออกอากาศ ถ้าอัตราเร็วเสียงในอากาศและน้ำเป็น 350 และ 1400 เมตร/วินาที ตามลำาดับ (sin^-1 = 0.125) singt V1 = sin02 Va sin30° 1400 sine, 350 sin02 1400 350 350 sine, = 2 x 1400 = 0.125 = sin (0.125)
ページ5:
Titima Ex6. A และ B เป็นลำโพง2ตัววางห่างกัน 2 เมตร ในที่โล่ง P เป็นผู้ฟังห่างจาก A 4 เมตร และห่างจาก B 3 เมตร 1 เสียงความถี่ต่ำสุดที่คลื่น หักล้างกันทำให้ได้ยินเสียงเบาที่สุดเป็นอย่างไร (กำหนด ความเร็วเสียง = 340m/s) SQ - SQ = [n - A f = v 1 - 2 A 4 - 3 = [1 - 2 ]À = A = 2m 340 2 = 170 Hz SP - S,P = n\ 5 - 1 = 2X A = 2m Ex5. คลื่นชนิดหนึ่ง เมื่อเกิดการแทรกสอด จะเกิดแนวตั้งดังรูป จงหาค |S,Q-S₂Q| = dsin☺ = d½ = [n] = JA เมื่อ n=1,2,3,... การแทรกสอดของคลื่นเสียง(Interference) คลื่นเสียงทั้งสองมาเสริมกันทำให้มีเสียงดังมากกว่าปกติ เรียกแนวนี้ว่า แนวปฏิบัพ (Antinode,A) ระหว่างกลางของแนวปฏิบัพ คลื่นทั้งสองจะหักล้างกันทำให้เสียงเบากว่าปกติ เรียกแนวนี้ว่า แนวบัพ (Node,N) การแทรกสอดแบบเสริม : เสียงดัง : ปฏิบัพ |S,P-S,P| = dsin = dễ = nh = = เมื่อ n=0,1,2,3,.... การแทรกสอดแบบหักล้าง : เสียงเบา : บัฟ n คือ ตัวเลขจำนวนเต็มบวกที่แสดงลำดับที่ของแนวปฏิบัพและบัพ X คือ ความยาวคลื่น (นาโนเมตร) d คือ ระยะระหว่างแหล่งกำเนิดคลื่นเสียง L คือ ระยะระหว่างแหล่งกำเนิดเสียงถึงตำแหน่งที่ได้ยินเสียง × คือ ระยะจากกึ่งกลางของตำแหน่งปฏิบัพกลาง ถึงตำแหน่ง leesuppong Ao AL AI A2 5 m 1m S₂
ページ6:
Bucksddnses pik การเลี้ยวเบนของคลื่นเสียง (Diffravtion) ค่าของ f จะบอกเสียงทุ้มหรือเสียงแหลม *เสียงทุ้ม fน้อย )มาก *เสียงแหลม fมาก โน้อย การแทรกสอดแบบเสริม : เสียงดัง : ปฏิบัพ dsine = d d = = nà การแทรกสอดแบบหักล้าง : เสียงเบา : บัฟ n คือ ตัวเลขจำนวนเต็มบวกที่แสดงลำดับที่ของบัพ n=1,2,3 X คือ ความยาวคลื่น (นาโนเมตร) d คือ ความกว้างของช่องแคบ L คือ ระยะระหว่างแหล่งกำเนิดเสียงถึงตำแหน่งที่ได้ยินเสียง (เมตร) x คือ ระยะจากกึ่งกลางของตำแหน่งปฏิบัพกลาง ถึงตำแหน่ง ปฏิบัพหรือบัพต่างๆ (เมตร) dsine = d = [n+ JA Ex7. S1 และ S2 เป็นลำโพง 2 ตัว วางห่างกัน 3 เมตร ให้คลื่นขนาดเดียวกันและมีเฟสตรงกัน ถ้า P เป็นตำแหน่งเสียงดังครั้งที่สอง ห่าง จากแนวกลางในทิศทำมุม 30 องศา คลื่นที่แผ่มีความยาวกี่เมตร ] = A = 0.75m 1. ความรู้สึกดัง = ค่อยของเสียง ขึ้นอยู่กับแอมพลิจูดของคลื่นและความเข้มเสียง 2. ความรู้สึกทุ้ม = แหลมของเสียง ขึ้นอยู่กับความถี่ของเสียง 3.ความไพเราะของเสียง = ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเสียง ความเข้มเสียง (SoundIntensity) "I" หน่วย(J) W "ความเข้มเสียง ณ จุดใดๆ คือ พลังงานของเสียงที่แผ่ออกจากแหล่งกำเนิดในเวลาหนึ่งหน่วยตกกระทบพื้นที่ในแนวตั้งฉาก 1 ตารางหน่วย" หน่วย(S) t
ページ7:
I (w/m^2) P = W(J) t(s) → J/s watt(วัตต์) A = 4TR 2 P w/t(w) m^2 I = = uppawong A คือ พื้นที่ที่รองรับพลังงานเสียงทั้งหมดในเวลา ซึ่งเป็นพื้นที่ผิวทรงกลมรัศมี I คือความเข้มเสียง ณ ตำแหน่งใดๆ (วัตต์/ตารางเมตร) P คือ กำลังเสียงของแหล่งกำเนิดเสียง (วัตต์) R คือ ระยะระหว่างแหล่งกำเนิดเสียงกับตำแหน่งที่จะหาความเข้มเสียง (เมตร) ความเข้มเสียงค่อยที่สุดที่คนจะสามารถได้ยินได้ มีค่า Io= 10' W/m และความเข้มเสียงดังที่สุดที่เราสามารถฟังได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อหูมีค่า Imax 1W/m = ความเข้มสัมพันธ์ (Relative Intensity) คือค่าเปรียบเทียบความเข้มเสียงใดๆ กับความเข้มเสียงค่อยที่สุดที่เริ่มได้ยิน Titima Me Iสัมพัทธ์ I。 HIH
ページ8:
ระดับเสียง (Sound Intensity level) "B" กำหนดปริมาณที่จะบอกความดังของเสียง คือ ระดับเสียง "B" มีหน่วยเป็น เดซิเบล (dB) ระดับเสียงค่อย-ดังที่สุดที่มนุษย์ได้ยิน 8 ต่ำสุด คือ 0 dB, B สูงสุด คือ 120 dB I = B = 10logฐ B คือ ระดับเสียง (เดซิเบล) I คือ ความเข้มเสียงขณะใดๆ ที่ต้องการหาระดับความเข้มเสียง (วัตต์/ตารางเมตร) I คือ ความเข้มเสียงค่อยที่สุดที่มนุษย์ได้ยินมีค่าเท่ากับ 10*2w/m eeupayong การหาผลต่างของระดับเสียง กำหนดให้ ณ จุดที่มีความเข้มเสียง I,จะมีระดับเสียง B,และ ณ จุดที่มีความเข้มเสียง I จะมีระดับเสียง B 2 Ex8. หวูดรถไฟมีกำลังเสียง 20 วัตต์ จงหาความเข้มเสียงที่จุดห่างจากวูด 150 เมตร P P A 4πR2 20 4(3.14)(150)? =7.07 x 105 W/m² Tiim Ex9. จงหาระดับความเข้มเสียง ณ จุดซึ่งมีค่าความเข้มเสียง 1 x 1Ò W/m I B = 10log 1. = 10log 107 10-12 10log10 - 50 dB วิธีลัด B = 10(-7 + 12 ) = 50 dB
ページ9:
Ex10. ถ้าระดับความเข้มเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงหนึ่งเปลี่ยนจาก 20 เดซิเบลเป็น 40 เดซิเบล ความเข้มเสียงเพิ่มขึ้นกี่เท่า B - B = 10log[ ] 40 - 20 = 10log[ ] 10 20 = 10log[ ] I₁ = log [77] 2 = log [ ระดับสูงต่ำของเสียง (Pitch) 102 100 ความถี่ของเสียงที่มนุษย์สามารถได้ยิน อยู่ในช่วง 20ถึง20,000 Hz - เสียงที่มีความถี่อยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์ ลงไปเรียกว่า คลื่นใต้เสียงหรือคลื่นอินฟราโซนิก(infrasonic wave) - เสียงที่มีความถี่ในช่วงที่สูงกว่า 20,000 เฮิรตซ์ ขึ้นไปเรียกว่า คลื่นเหนือเสียงหรือคลื่นอัลทราโซนิค (ultrasonic wave) เสียงทุ้ม(bass) เป็นเสียงที่มีระดับต่ำ หรือความถี่น้อย เสียงแหลม(trebel) เป็นเสียงที่มีระดับเสียงสูง หรือความถี่มาก ความถี่ของคนและสัตว์ที่สามารถทนได้จะไม่เท่ากัน เสียงคู่แปด เสียงที่มีค่าเป็น2เท่าของ B จะเรียกว่า คู่แปดของB C' เป็นเสียงคู่แปดสูง 1 ขั้นของเสียงC (ความถี่ 2 เท่าของเสียงC ) C" เป็นเสียงคู่แปดสูง 2 ขั้นของเสียงC (ความถี่ 2 เท่าของเสียงC ) C เป็นเสียงคู่แปดต่ำ 1 ขั้นของเสียงC (ความถี่ 1/2 เท่าของเสียงC ) wika Ex11. จงหาความถี่เสียง ซึ่งเป็นเสียงคู่แปดสูง และคู่แปดต่ำของเสียง 600 เฮิรตซ์ f = 600 Hz f, = 400/2 f' = 2 x 600 f, = 200 Hz f' = 1200 Hz
ページ10:
f = | f, - f2 | = |248 - 252 | = 4Hz ข)จังหวะของการได้ยินเสียง f f₁ + f₂ 250 Hz รวม 2 Ex12. คลื่นเสียง 2 คลื่นมีความถี่ 248 เฮิรตซ์ และ 252 เฮิรตซ์ เคลื่อนที่มาพบกันทำให้เกิดการรวมกันของคลื่นทั้งสอง จงหา ก)ความถี่ของเสียงที่ได้ยิน ความถี่ของเสียงที่ผู้สังเกตได้ยิน ความถี่บีตส์ (f ) = | f - 5, คุณภาพเสียง (Timbre) ความไพเราะ เราสามารถแยกได้ว่า เสียงที่ได้ยินนั้นมาจากดนตรีประเภทใด บีตส์ (Beats) เสียงจากแหล่งกำเนิดสองแหล่งที่ความถี่ต่างกันเล็กน้อย เคลื่อนที่ผ่านตัวกลางเดียวกันในเวลาและทิศทางเดียวกันก็จะ มารวมกัน โดยหูของคนเราจะสามารถแยกเสียงบีตส์ เมื่อความถี่บีตส์มีค่าไม่เกิน 7 เฮิรตซ์ จังหวะที่ได้ยินใน 1 วินาที เสียง>2 แหล่งมาเจอกัน ma Meesuppawor
ページ11:
คลื่นนิ่ง(Standing wave) คลื่นนิ่งของเสียง เกิดจากคลื่นเสียง 2 คลื่น ซึ่งมีความถี่ ความยาวคลื่น และแอมพลิจูดเท่ากันเคลื่อนที่สวนทางกันในแนวเส้นตรง เดียวกัน แล้วมาซ้อนทับกัน คลื่นความดันของคลื่นทั้งสองจะเกิดการรวมกันเป็นคลื่นความดันลัพธ์ได้ตำแหน่งเสียงดัง(ปฏิบัพ)และเสียง ค่อย(บัพ) สลับกันไป โดยระยะห่างระหว่างปฏิบัพที่ติดกันหรือบัพที่ติดกัน เท่ากับครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่น(A/2)และระยะห่างระหว่าง ปฏิบัพกับบัพที่ติดกันมีค่า)/4 Ex13. ลวดสายกีต้าร์ขึงอยู่ระหว่างจุดตรึง 2 จุด ห่างกัน 70 เซนติเมตร เมื่อดีดให้เสียงหลักที่มีความถี่ 300 เฮิรตซ์ ความเร็วของคลื่นในสาย ลวดเป็นเท่าไร 70 Cm. Kuma Meesui powrong A 2 = 70 Cm. A = 140 Cm. A = 1.4 m การสั่นพ้อ เป็นปรากฏการณ์ที่มีแรงไปกระทำให้วัตถุสั่นหรือแกว่ง โดยุความถี่ของแรงกระทำ(ความถี่กระตุ้น)ไปเท่ากับความถี่ธรรมชาติของวัตถุ จะทำให้วัตถุนั้นสั่นด้วยแอมพลิจูดที่มากที่สุด เรียกว่า การสั่นพ้อง การสั่นพ้องของเสียง การทำให้อากาศที่อยู่ในกล่องหรือในท่อสั่นด้วยความถี่ธรรมชาติ อากาศก็จะสั่นด้วยแอมพลิจูดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเสียง ดังมากขึ้นกว่าปกติ เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "การสั่นพ้อง"
ページ12:
การสั่นพ้องของเสียงในหลอดที่มีความยาวคงที่ ถ้าเราได้ยินเสียงออกมาจากหลอดูดังที่สุด แสดงว่า เกิดการสั่นพ้องของเสียงความถี่ของคลื่นนิ่งที่ทำให้เกิดการสั่นพ้อง ของเสียงในหลอด มีหลายค่า ดังนี 1.ความถี่มูลฐาน(Fundamental) คือ ความถี่ต่ำสุดของคลื่นนิ่งในหลอด ซึ่งจะมีความยาวคลื่นมากที่สุด แล้วทำให้เกิดการสั่น พ้องของเสียง 2. โอเวอร์โทน(Overtone) คือ ความถี่ของคลื่นนิ่งที่สูงขึ้น ถัดจากความถี่มูลฐานแล้วทำให้เกิดการสั่นพ้องของเสียงในหลอด 3.ฮาร์โมนิค(Harmonic) คือ ตัวเลขที่บอกว่าความถี่นั้นเป็นกี่เท่าของความถี่มูลลฐาน นั่นได้ มีค่าเป็นมั่นๆ การเกิดการสั่นพ้องของเสียงในหลอด H หลอดปลายเปิด เป็นหลอดที่ปลายทั้งสองข้างเปิดสู่อากาศ คลื่นเสียงที่สะท้อนบริเวณปากหลอดทั้งสองข้าง โมเลกุลของอากศเคลื่อนที่โดยอิสระ จะเป็นตำแหน่งปฏิบัพของคลื่น การกระจัดขณะเกิดการสั่นพ้องของเสียง A = 2L = An A, = 2 21= n QuomoddnsW.DU หลอดปลายปิด เป็นหลอดที่ปลายข้างหนึ่งปิด ปลายอีกข้างหนึ่งเปิด เมื่อให้คลื่นเสียงเข้าทางปากหลอด ด้านเปิด คลื่นเสียงจะสะท้อนที่ด้านปิด คลื่นการกระจัดจะมีเฟสเปลี่ยนไป 180 องศา ที่ตำแหน่งผิดระนาบของ ด้านปิดจะเป็นตำแหน่งบัพของคลื่นนิ่งของคลื่นการกระจัด บนิเวณปากหลอดด้านเปิดโมเลกุลของอากาศสั่น โดยอ้สระจะเป็นตำแหน่งปฏิบัพของคลื่นนิ่งของคลื่นการกระจัด ขณะเกิดการสั่นพ้องของเสียง A, 4L = 2n-1 เป็นเลขคี่เท่านั้น
ページ13:
Ex14. ท่อทรงกระบอกปลายปิดข้างหนึ่งยาว 4.8 เมตร ถ้าเสียงมีอัตราเร็ว 462 เมตร/วินาที เสียงจากท่อจะมีความถี่ต่ำสุดเท่าไร A 4 = L A 4 - = 4.8 X = 19.2 m V = fX = 462 = f19.2 f = 24.06 Hz. Ex15. เมื่อให้คลื่นเสียงผ่านหลอดปลายเปิด 2 ข้าง ซึ่งยาว1.20 เมตร จะพอดีทำให้เกิดเสียงฮาร์มอนิกที่ 3 จงหาความถี่ฮาร์มอนิก ที่3 และความยาวคลื่นนั้น (ความเร็วเสียง 342 เมตร/วินที) eesuppawong fy = 3f = 3[ 2 ] = 3 [ 342 2 x 1.20 ความยาวคลื่น X, มาจากสูตร A, = 24 n = 0.8 m การสั่นพ้องของเสียงในหลอดเรโซแนนซ์ หรือหลอดที่ปรับความยาวได้ 5 12 itime การหาจำนวนครั้งในการเกิดการสั่นพ้องของเสียงในหลอดเรโซแนนซ์ ที่มากที่สุด L₁ = (2n - 1 )A 4 L. คือ ความยาวของหลอดเรโซแนนซ์ X คือ ความยาวคลื่นของคลื่นที่ส่งเข้าไปในหลอดเรโซแนนซ์ n คือ จํานวนครั้งที่เกิดการสั่นพ้องของเสียงในหลอดเรโซแนนซ์
ページ14:
Ex16.การทดลองการใช้หลอดูเรโซแนนซ์ พบว่าครั้งแรกและครั้งที่สอง ที่ระยะ 0.15 เมตร และ 0.50 เมตร จากปากท่อตามลำดับ ถ้าความเร็วของเสียงใน ขณะนั้นเท่ากับ 350 เมตร/วินาที จงหาความถี่ของคลื่นเสียงที่ใช้ ระย AL = 0.5 - 0.15 = 0.35 AL => X = 2AL = 2(0.5 - 0.15) = 0.7m V f = A = 350 0.7 = 500 Hz รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูบที่ 3 etsuppawong Ex17. หลอดเรโซแนนซ์ที่ใช้ในการทดลอง จะให้ความดังสูงสุดสามครั้ง เมื่อเลื่อนตำแหน่งลูกสูบไปตามความยาวของหลอดเรโซแนนซ์ ถ้า ตำแหน่งสุดท้ายดัง เมื่อลูกสูบห่างจากลำโพงมากที่สุดและห่างจากปลายกระบอกสูบ 100 เซ็นตี้เมตร อยากทราบว่าลำโพงสั่นด้วยความถี่กี่ เฮิรตซ์ (กำหนดความเร็วเสียงในอากาศเป็น 348 m/s) isim img f = (2n-1) รูปที่ 1 รูบที่ 2 รูปที่ 3 = (2 x 3 - 1) 4L 348 4x1 435 Hz
ページ15:
"-(VAV) = fs การกำหนดเครื่องหมาย ผู้สังเกตเคลื่อนที่เข้าหาแหล่งกำเนิดเสียง แทน v, ด้วยเครื่องหมาย + ผู้สังเกตเคลื่อนที่ออกห่างจากแหล่งกำเนิดเสียง แทน v ด้วยเครื่องหมาย · แหล่งกำาเนิดเสียงเคลื่อนที่เข้าหาผู้สังเกต แทน vs ด้วยเครื่องหมาย - แหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ออกห่างจากผู้สังเกต แทน v ด้วยเครื่องหมาย + การเกิดปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ เมื่อตัวกลางอยู่กับที่(อากาศ) A. = ความยาวคลื่นด้านหลังแหล่งกำเนิด ความยาวคลื่นด้านหน้าแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ (Doppler Effect) ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คือ ปรากฏการณ์ที่ผู้สังเกตได้ยินเสียงที่มีความถี่เปลี่ยนไปจากความถี่เดิม เพิมขึ้น → เสียงแหลม ลดลง → เสียงทุ้ม ด้านหน้า TRAIN STATION ด้านหลัง TRAIN STATION Titing Meest sawe v v, VL คือ ความเร็วเสียงในอากาศ คือ ความเร็วของแหล่งกำเนิดเสียง คือ ความเร็วของผู้สังเกต f. คือ ความถี่ของเสียงทีออกจากแหล่งกำเนิด f คือ ความถี่ของเสียงที่ผู้สังเกตได้ยิน X คือ ความยาวคลื่นเสียงบริเวณหลังแหล่งกำเนิด As = v - V s fs X คือ ความยาวคลื่นเสียงบริเวณด้านหน้าแหล่งกำเนิด X คือ ความยาวคลื่นเสียงบริเวณหลังแหล่งกำเนิด 2. สั้น MA A ยาว + น้อย X มาก ความเร็วคลื่นมีผลต่อความถี่ ระยะก็มีผลต่อความถี่ของเสียง
ページ16:
Ex18. รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีค่า 500 เฮิรตซ์ ถ้าเสียงมีอัตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่เสียงที่ได้ยินจากคนบนรถไฟขบวนที่2ที่วิ่งด้วยความเร็ว 15 เมตร/วินาที เมื่อ ก)รถไฟวิ่งเข้าหากัน f₁ = [ f Vo ± VL1T V ± v 330-0 330+30 1500 = 458.3 Hz ข)อยู่หลังรถไฟ f₁ = [ f = [ V ± V₁ V ± Vs 330 + 0 330-30 f₁ Ex19. รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีค่า 500 เฮิรตซ์ ถ้าเสียงมีอัตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่ที่ผู้สังเกตได้ยินขณะอยู่นิ่งเมื่อ ก)อยู่หน้ารถไฟ f = [ Vo ] f Vo V. 330 - 15 f = [ 500 = 437.5 Hz 330 + 30 ข)รถไฟวิ่งออกจากกัน f = [ f = [ V₁ + V ] f₁₂ Vo V₁ 330 330-30 | 500 = 575 Hz ima Meesuppatieng
ページ17:
V = 1 sine Buomptonsiste คลื่นกระแทก (Shock wave) คือ ปรากฏการณ์ที่แหล่งกำเนิดคลื่นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าที่ความเร็วคลื่นปล่อยออกมา คลื่นที่ถูกปล่อยส่งออกมาจะ ไปรวมตัวกันทางด้านข้างของแหล่งกำเนิดรูปตัว v (ใน2มิติ) หรือ รูปกรวยกลม(ใน3มิติ) เมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็งสูงกว่าอัตราเร็วเสียง หน้าคลื่นกระแทก 0 หน้าคลื่นกระแทก sine = V VS 8 คือ มุมที่หน้าคลื่นทำกับแนวการเคลื่อนที่ของแหล่งกำเนิด เลยมัค (mach number) vs เป็นกี่เท่าของ v เลขมัค คือ ตัวเลขที่แสดงว่าแหล่งกำเนิดคลื่นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเป็นจำนวนกี่เท่าของความเร็วคลื่นเสียง หาค่าmach number ได้จาก อัตราส่วนระหว่าง อัตราเร็วของแหล่งกำเนิดกับอัตราเร็วเสียง Mach number = 8 คือ มุมที่หน้าคลื่นทำกับแนวการเคลื่อนที่ของแหล่งกำเนิด v คือ ความเร็วแหล่งกำเนิดคลีน v คือ ความเร็วคลื่นเสียง itima
ページ18:
ข้อสังเกต A แนวการเคลื่อนที = vs · t หน้าคลื่นกระแทก S = vt ut h X หน้าคลื่นกระแทก e e B น้องเครื่องบิน S B ถ้าต้องการหาว่าเครื่องบินอยู่ห่างจากผู้สังเกตเท่าใด (x) sing = V V S h จาก sing = X X = - h = Machnumber x h na Meesura.pd\or สมการรวม h Ex20. เครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 5/3 เท่าของความเร็วเสียง ผู้ที่ยืนอยู่บนพื้นดินที่เริ่มได้ยินเสียงเครื่องบินเมื่อหน้าคลื่นกระแทก ทำมุมเท่าใดกับแนวดิ่ง V sing = Vs sing = sing V 8=37 องศา มุมที่หน้าคลื่นกระทำกับแนวดิ่งมีค่าเท่ากับ 90 - 37 = 53 องศา EX21. เครื่องบินบินด้วยความเร็ว 2 มัค จงหามุมที่หน้าคลื่นกระแทกกับแนวดิ่ง Machnumber = Vs = 2 V sing = V V₁ sing = 2 8 = 30 องศา มุมที่หน้าคลื่นกระแทกกับแนวดิ่งมีค่าเท่ากับ 90 - 30 = 60 องศา
他の検索結果
このノートに関連する質問
Senior High
ฟิสิกส์
ฟิสิกส์ วิธีทำ หาแบบ 10 ยกกำลัง
Senior High
ฟิสิกส์
ฟิสิกส์ วิธีทำ เป็น 10 ยกกำลัง
Senior High
ฟิสิกส์
ทำยังไงดีครับ
Senior High
ฟิสิกส์
ช่วยหน่อยค่ะ เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย(เรียนสายศิลป์ภาษามาค่ะ)
Senior High
ฟิสิกส์
หาคำตอบ
Senior High
ฟิสิกส์
อยากได้วิธีทำค่ะ ถ้ามีคำอธิบายให้ด้วยจะดีมากเลยค่ะ 😭🙏
Senior High
ฟิสิกส์
ทำอย่างไร ของวิธีการทำและวิธีการวาดรูป
Senior High
ฟิสิกส์
ช่วยแสดงวิธีทำให้หน่อยค่ะ🙏🏻
Senior High
ฟิสิกส์
งงตรงการบ้านนิดหน่อย ใครเข้าใจฟิสิกส์ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะ
Senior High
ฟิสิกส์
ช่วยหน่อยค่ะ
News
コメント
コメントはまだありません。