Thai
SMA

ช่วยหน่อยค้าบ🥲

ใบงานเรื่อง รู้รอบไตรภูมิพระร่วง ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร 2. เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง แต่งขึ้นในสมัยใด 3. กวีผู้ประพันธ์เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง คือใคร 4. เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทใด 5. ไตรภูมิ หมายถึงอะไร 6. มนุสสภูมิ อยู่ในภูมิใด 7. เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง บรรยายว่า "มนุสสภูมิ" ประกอบด้วยกี่ทวีป ทวีปใดบ้าง ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายของคำที่ขีดเส้นใต้ให้ถูกต้อง 1. ผิรูปอันจะเกิดเป็นชายก็ดีเป็นหญิงก็ดี เกิดมีอาทิแต่เกิดเป็นกลละนั้นโดยใหญ่แต่ละวันแลน้อย กลละ หมายถึง 3. จะงอยไส้ตือนั้นกลวงขึ้นไปเบื้องบนติดหลังท้องแม่แลข้าวน้ำอาหารอันใดแม่กินไสร้ แลโอชารสนั้นก็เป็นน้ำชุ่มเข้า ไปในไส้คือนั้น จะงอยไส้ดือ หมายถึง ไส้ดือ หมายถึง 10. ฆนะนั้นค่อยใหญ่ไปทุกวัน ครั้นถึง 7 วัน เป็นตุ่มออกได้ 5 แห่งดั่งหูดนั้น เรียกว่าเบญจสาขาหูด เบญจสาขาหูด หมายถึง
ตอนที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ลำดับพัฒนาการการเกิดเป็นทารกในครรภ์มารดาสามารถเรียงลำดับได้อย่างไร 2. จงยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่กล่าวถึง สายสะดือของทารกในครรภ์มารดาและการรับอาหารจากมารดาผ่านทาง สายสะดือ 3. จากเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ ความตอนหนึ่งกล่าวถึงในครรภ์มารดาว่ามีสภาพ "ร้อนนักหนาดุจดั่งเรา เอาใบตองเข้าจ่อตน แลตัมในหม้อนั้นไสร้" แต่เพราะเหตุใดทารกในครรภ์จึงไม่ตายเพราะความร้อนนั้น 4. ตามความเชื่อที่ปรากฏในตอน มนุสสภูมิ ทารกที่มาจากนรกและสวรรค์ เมื่ออยู่ในครรภ์มารดามีลักษณะแตกต่าง กันอย่างไร 5. ตามความเชื่อที่ปรากฏในตอน มนุสสภูมิ ทารกที่มาจากนรกและสวรรค์ เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์มารดาแล้ว จะแสดงลักษณะต่างกันอย่างไร 6. ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาเพียง 7 เดือน แล้วก็คลอดออกมา จะมีลักษณะอย่างไร
ตอนที่ 4 คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทประพันธ์ที่กำหนด แล้วบอกว่าบทประพันธ์ดังกล่าวใช้โวหารประเภทใด 1. อัมพุทะนั้นโดยใหญ่ไปทุกวารไสร้ ครั้นได้ถึง 7 วาร ขันเป็นดั่งตะกั่วอันเชื่อมอยู่ในหม้อเรียกชื่อว่าเปสิ เปสินั้น ค่อยใหญ่ไปทุกวัน ครั้นถึง 7 วัน แข็งเป็นก้อนดั่งไข่ไก่ เรียกว่าฆนะ ฆนะนั้นค่อยใหญ่ไปทุกวัน ครั้นถึง 7 วัน เป็นตุ่มออกได้ 5 แห่งดั่้งหูดนั้น เรียกว่า เบญจสาขาหูด 2. คนผู้ใดจากแต่นรกมาเกิดจั้น เมื่อคลอดออกตนกุมารนั้นร้อน เมื่อมันอยู่ในท้องแม่นั้นย่อมเดือดเนื้อร้อนใจแล กระหนกระหาย อีกเนื้อแม่นั้นก็พลอยร้อนด้วยโสด คนผู้จากแต่สวรรค์ลงมาเกิดนั้น เมื่อจะคลอดออก ตนกุมาร นั้นเย็น เย็นเนื้อเย็นใจ เมื่อยังอยู่ในท้องแม่นั้น อยู่เย็นเป็นสุขสำราญบานใจ แลเนื้อแม่นั้นก็เย็นด้วยโสด 3. เมื่อกุมารนั้นคลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มิพันตน ตนเย็นนั้นแลเจ็บเนื้อเจ็บดนนักหนา ดั่งช้างสารอัน ท่านชักท่านเข็นออกจากประตูลักษอันน้อยนั้น แลคับตัวออกยากลำบากนั้น ผิปมิดั่งนั้น ดั่งคนผู้อยู่ในนรกแล แลภูเขาอันชื่อคังไคยบรรพตหีบแลเหงแลบดบี้นั้นแล 4. เบื้องหลังกุมารนั้นต่อหลังท้องแม่แลนั่งยองอยู่ในท้องแม่ แลกำมือทั้งสองคู้คอต่อหัวเข่าทั้งสอง เอาหัวไว้เหนือ หัวเข่าเมื่อนั่งอยู่นั้น เลือดแลน้ำเหลืองย้อยลงเต็มดนยะหยดทุกเมื่อแล ดุจดั่งลิงเมื่อฝนตก แลนั่งกำมือเซาเจ่า อยู่ในโพรงไม้นั้นแล 5. ผิแลคนอันมาแต่นรกก็ดี แลมาแต่เปรตก็ดี มันคำนึงถึงความอันลำบากนั้น ครั้นว่าออกมาก็ร้องไห้แล ผิแลคนผู้ มาแต่สวรรค์ แลคำนึงถึงความสุขแต่ก่อนนั้น ครั้นว่าออกมาไสร้ ก็ย่อมหัวร่อก่อนแล ตอนที่ 5 คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทประพันธ์ที่กำหนด แล้วบอกว่ามีความงามทางวรรณศิลป์โดดเด่นในด้านใด 1. ส่วนตัวกุมารนั้นบมิไหม้ เพราะว่าเป็นธรรมดาด้วยบุญกุมารนั้นจะเป็นคนแล จึงให้บมิไหม้บมิตายเพื่อดั่งนั้นแล แต่กุมารนั้นอยู่ในท้องแม่ บ่ห่อนได้หายใจเข้าออกเสียเลย บ่ห่อนได้เหยียดตีนมือออกดั่งเราท่านทั้งหลายนี้สักคาบ หนึ่งเลย 2. เบื้องหลังกุมารนั้นต่อหลังท้องแม่ แลนั่งยองอยู่ในท้องแม่ แลกำมือทั้งสองคู้คอต่อหัวเข่าทั้งสอง เอาหัวไว้เหนือหัว เข่าเมื่อนั่งอยู่นั้น เลือดแลน้ำเหลืองย้อยลงเต็มตนยะหยดทุกเมื่อแล 3. ในท้องแม่นั้นร้อนนักหนาดจดั่งเราเอาใบตองเข้าจ่อตน แลต้มในหม้อในหม้อนั้นไสร้
PromotionBanner

Answers

No answer yet

Apa kebingunganmu sudah terpecahkan?