ชั้นปี

วิชา

ชนิดของคำถาม

การบัญชี มหาวิทยาลัย

ช่วยหน่อยค่า🥹🥹

ตอนที่ 2 ทดสอบความเข้าใจ 1. คำถามข้อ 1 จากข้อมูลของบริษัท โชคดี จำกัด ในปี 25X1 มีราบละเอียดดังนี้ วัตถุดิบทางตรง D วัตถุดิบทางอ้อม 08 ค่าแรงงานทางตรง ค่าแรงงานทางอ้อม 08 ค่าสาธารณูปโภค 0 1 ค่าเบี้ยประกันโรงงาน 0 ค่าเบี้ยประกันสำนักงาน ค่านายหน้าพนักงานขาย เงินเดือนผู้บริหาร ค่าโฆษณา ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร OH ค่าเสื่อมราคารถยนต์ ค่าเช่าสำนักงาน ให้ทำ 1.1) คำนวณต้นทุนขั้นต้น (1 คะแนน) OH S 1.2) คำนวณต้นทุนแปรสภาพ ( 1 คะแนน) 1.3) คำนวณค่าใช้จ่ายในการผลิต ( 1 คะแนน) 1.4) คำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ 1 คะแนน) 1.5) คำนวณต้นทุนจม ( 1 คะแนน) 2. คำถามข้อ 2 ข้อมูลต่อไปนี้ได้มาจากการผลิตในเดือนมกราคม 25X2 ของบริษัท มีดี จำกัด 1. ซื้อวัตถุดิบทางตรงเป็นเงินเชื่อ 50,000 บาท - 2 จ่ายค่าแรงพนักงานฝ่ายผลิต (ค่าแรงงานทางตรง) รวม 75,000 บาท เป็นเงินสด 2. 410,000 บาท 156,000 บาท 520,500 บาท 45,000 บาท 300,000 บาท 100,000 บาท 60,000 บาท 60,000 บาท 350,000 บาท 100,000 บาท 80,000 บาท 50,000 บาท 80,000 บาท 3. จ่ายเงินเดือนผู้ควบคุมโรงงาน 15,000 บาท เป็นเงินสด 4. ได้รับบิลค่าไฟฟ้า จํานวน 5,000 บาท 5. ค่าเสื่อราคาของอุปกรณ์ในโรงงานเท่ากับ 6,000 บาท

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ช่วยสรุป แล้วก็ทำเป็นข้อๆให้หน่อยได้มั้ยคะ🙏🏻

dtac-T.Better Together 13:36 บทบัญญัติที่ 4 : คนตอบสนอ cdn.fbsbx.com 4 44%E เรียบร้อย สนองต่อสิ่งจูงใจ เนื่องจากคนตัดสินใจโดยเปรียบเทียบต้นทุนและผลประโยชน์ ดังนั้น พฤติกรรมของคนจึงเปลี่ยนเมื่อ โครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์เปลี่ยนไป นั่นคือ คนตอบสนองต่อสิ่งจูงใจ นั่นเอง เมื่อราคาแอปเปิลสูงขึ้น คนก็ตัดสินใจซื้อลูกแพร์มากขึ้น ซื้อแอปเปิลน้อยลง เพราะต้นทุนในการได้มาซึ่งแอปเปิลสูงขึ้น ใน ขณะเดียวกัน ชาวสวนแอปเปิลตัดสินใจจ้างคนงานมากขึ้น และปลูกแอปเปิลมากขึ้น เนื่องจาก ผลประโยชน์ จากการขายแอปเปิลสูงขึ้น บทบาทหลักของสิ่งจูงใจในการกำหนดพฤติกรรมมีความสำคัญสำหรับการออกแบบ นโยบายของรัฐ(Public Policy) นโยบายของรัฐมักเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนและผลประโยชน์ของกิจกรรม ภาคเอกชน เมื่อผู้กำหนดนโยบายล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แสดงว่านโยบายรัฐอาจก่อให้เกิดผลที่ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ตัวอย่างของผลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากนโยบายของรัฐ เช่น นโยบายว่าด้วยเข็มขัด นิรภัยและระบบป้องกันความปลอดภัยรถยนต์ ในทศวรรษ 1950 รถที่มีเข็มขัดนิรภัยมีจํานวนน้อย ต่างจากใน ปัจจุบันที่รถทุกคันล้วนมีเข็มขัดนิรภัย เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงก็เพราะ "นโยบายของรัฐ" นั่นเอง ในช่วง ปลายทศวรรษ 1960 หนังสือของ Ralph Nader ที่ชื่อ “Unsafe at Any Speed” ก่อให้เกิดกระแสเกี่ยวกับความ ปลอดภัยของรถยนต์ รัฐสภาสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องสร้างอุปกรณ์รักษาความ ส่ ปลอดภัย ซึ่งหมายถึงรถทุกคันต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างเข็มขัดนิรภัยด้วย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยกระทบ ความปลอดภัยของรถยนต์อย่างไร ? ผลทางตรงในเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้ามีเข็มขัดนิรภัยในรถทุกคัน คนก็คาด เข็มขัดนิรภัยกันมากขึ้น และโอกาสที่จะรอดจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่มีมากขึ้น ในแง่นี้ เข็มขัดนิรภัยช่วยรักษาชีวิต ผลดีทางตรงด้านความปลอดภัยนี้จูงใจให้รัฐสภาออกกฎหมายดังกล่าว แต่การทำความเข้าใจผลทั้งหมดของ กฎหมายต้องตระหนักว่า คนเปลี่ยนพฤติกรรมโดยตอบสนองสิ่งจูงใจที่เขาเผชิญอยู่ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องใน กรณีนี้คือการขับรถเร็วและความระมัดระวังในการขับรถ การขับรถช้าและระมัดระวังมีต้นทุนเพราะสิ้นเปลือง เวลาและพลังงาน เมื่อผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลตัดสินใจว่าจะขับรถอย่างปลอดภัยเพียงใด ก็จะเปรียบเทียบ ผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการขับรถอย่างปลอดภัยกับต้นทุนส่วนเพิ่ม เขาจะขับรถช้าและระมัดระวังเมื่อ ผลประโยชน์จากการเพิ่มความปลอดภัยสูงกว่า นี่เป็นการอธิบายว่าทำไมคนถึงขับรถช้าและระมัดระวังขณะ ถนนลื่นมากกว่าสภาพถนนปกติ หากเราพิจารณาว่าการออกกฎหมายให้คาดเข็มขัดนิรภัยเปลี่ยนแปลงการ คำนวณต้นทุนและผลประโยชน์ของผู้ขับขี่ที่มีเหตุมีผลอย่างไร ? พบว่าเข็มขัดนิรภัยทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุบัติเหตุ มีต้นทุนต่ำลงเพราะการคาดเข็มขัดนิรภัยช่วยลดความน่าจะเป็นในการบาดเจ็บและล้มตาย ดังนั้น เข็มขัดนิรภัย ลดผลประโยชน์จากการขับรถช้าและระมัดระวังลง ผู้ขับขี่ก็ตอบสนองต่อการใช้เข็มขัดนิรภัยโดยขับรถเร็วขึ้น และลดความระมัดระวังในการขับขี่ลง ผลสุดท้าย กฎหมายเข็มขัดนิรภัยทำให้จำนวนอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น 5 แล้วกฎหมายกระทบจำนวนคนตายจากการขับขี่อย่างไร ? ผู้ขับขี่ที่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจมีโอกาสรอดชีวิตมาก ขึ้นจากอุบัติเหตุแต่ละครั้ง แต่โอกาสเกิดอุบัติเหตุอาจเพิ่มจำนวนมากครั้งขึ้น จำนวนคนตายสุทธิในประเด็นนี้ยัง ไม่ชัดเจน ยิ่งกว่านั้น การที่ผู้ขับขี่เลือกลดความระมัดระวังในการขับขี่ลงส่งผลกระทบทางลบต่อคนเดินถนน (และผู้ขับขี่ที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย) เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุของคนเหล่านี้สูงขึ้นและไม่ได้รับการป้องกัน จากเป็นข้อมกัน ดังนั้น จอมมายว่าด้วยเข็มขัดนิรฉันมีแนวโน้มทำให้จำนวนการตายของคนเดินถนนเพิ่มสูงขึ้น 3

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
คณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ข้อ8ครับ

ตอนที่ 1 ตอบคำถามต่อไปนี้พอเข้าใจ 1. จงให้ความหมายของสถานที่ตั้งโรงงาน 2. จงอธิบายถึงความสำคัญของสถานที่ตั้งโรงงานที่มีต่อธุรกิจ 3. ในการเลือกสถานที่ตั้งโรงงานผู้บริหารสมควรพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง 4. ปัจจัยด้านชุมชนท้องถิ่นมีผลอย่างไรต่อการเลือกสถานที่ตั้งโรงงาน 5. การตัดสินใจเลือกสถานที่ตั้งโรงงานในต่างประเทศ สิ่งที่จะต้องพิจารณามีอะไรบ้าง 6. ประเทศไทยควรพัฒนาด้านใดบ้าง ถึงจะจูงใจให้นักลงทุนเลือกเป็นสถานที่ตั้งโรงงาน 7. เหตุใดจึงต้องวิเคราะห์จุดคุ้มทุนในการเลือกสถานที่ตั้งโรงงาน ตอนที่ 2 จงแสดงวิธีทำ 8. ผู้บริหารโรงงานแห่งหนึ่งต้องการเลือกสถานที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่โดยมีสถานที่ในการ ตัดสินใจอยู่ 4 แห่ง คือ A, B, C และ D ซึ่งในแต่ละแห่งจะมีต้นทุนคงที่ เช่น ค่าที่ดิน ค่าสร้างอาคาร ค่า เครื่องจักร และต้นทุนผันแปร เช่น ค่าแรงงาน ค่าวัสดุ ค่าการขนส่ง เป็นต้นดังแสดงในตารางต่อไปนี้ จงหา ทำเลที่ตั้ง ต้นทุนคงที่ต่อปี (บาท) ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย (บาท) A B C D 150,000 300,000 500,000 600,000 62 38 24 30 ถ้าท่านได้รับมอบหมายจากผู้บริหารให้ศึกษาความเหมาะสมในการเลือกสถานที่ตั้งแห่งใหม่ 1. กำหนดเส้นกราฟต้นทุนรวมของแต่ละสถานที่ตั้ง 2. คำนวณหาปริมาณการผลิตที่คุ้มทุนของแต่ละสถานที่ตั้ง 3. ถ้าปริมาณความต้องการเป็น 15,000 หน่วยต่อปี เราสมควรตัดสินใจเลือกสถานที่ตั้งใดมาก ที่สุด 9. บริษัทอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งต้องการเลือกสถานที่ตั้งเพื่อทำการขยายกำลังการผลิต และ ได้ทำการสำรวจตำแหน่งวัตถุดิบและตลาดสินค้า พบว่า มีตำแหน่งวัตถุดิบที่สำคัญ 2 แห่ง และตลาด สินค้า 2 แห่ง อัตราการขนส่งวัตถุดิบ กิโลเมตรละ 6 บาทคงที่ และอัตราการขนส่งสินค้าไปยังตลาด กิโลเมตรละ 5 บาทคงที่ ไม่ว่าระยะทางจะเป็นเท่าใด รายละเอียดของแหล่งวัตถุดิบและตลาดจำหน่าย อยู่ในตำแหน่งตามภาพ

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ข้อ2ตอบอย่างไรหรอคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

I| 89 กฎหมายธุรกิจ บท4 คำถามท้ายบท รูปร่วง ซึ่งมีราคา ละรวมถึง ลิขสิทธิ์ เสินที่สำคัญ คือ 1. นายแมนดกลงว่าเมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาเข่าแล้ว นายแมนยินยอมออกจากที่ดิน ะไม่ซื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโดยไม่มีเงื่อบไขใดๆ หลังจากทำสัญญาแล้ว นายแมนทำ การปลูกสร้างบ้านลงบนที่ดินและปลูกต้นมะบ่วงรอบรั่วบ้าน เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า นายแมนขอ ต่ออายุสัญญาเข่าเนื่องจากยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ แต่นายหมูไม่ต้องการให้เช่าต่อ นายแมนโกรธมาก จึง บอกกับนายหมูว่าจะรื้อบ้าน และขุดต้นมะม่วงออกไปจากที่ดิน แต่นายหมูไม่ยอม ดังนั้น ให้ท่าน วินิจฉัยว่า นายแมนมีสิทธิรื้อถอนบ้านและขุดต้นมะม่วงออกจากที่ดินได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และจ อันติดอยู่กับที่ดิน เสิทธิอันเกี่ยวกับ หวัพย์และรวมถึง องเป็นสาระสำคัญ มลูกหรืออัญชาติ งในที่ดินของผู้อื่น หรัพย์สินของผู้อื่น 2. กำหนดระยะเวลา ระหว่างที่นายโทอยู่อาศัยในบ้านและที่ดินดังกล่าว นายโทปลูกต้นสัก บนที่ดินในบริเวณรั้วบ้าน 20 ต้น และมีต้นมะม่วงขึ้นเองตามธรรมชาติ 10 ต้น ต่อมาอีก 10 ปี นาย โทได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ตัดต้นสักดังกล่าว และต้นมะม่วงมีผลเต็มต้น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 นายโทจึงขายต้นสักและผลมะม่วงทั้งหมดให้แก่นายตรี โดยให้นายตรีตัดต้นสักและเก็บผล มะม่วงเองในวันที่ 7 มีนาคม 2554 และนายตรีได้ชำระเงินค่าต้นสัก 80,000 บาท และค่าผลมะม่วง 20,000 บาท ให้แก่นายโทรวม 100,000 บาท เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 2 มีนาคม 2554 นายเอกและ นายโทมีปากเสียงกัน นายเอกจึงไล่นายโทให้ออกจากบ้านและที่ดิน นายโทยอมออกจากบ้านและ ที่ดินดังกล่าวไป ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม 2554 นายตรีมาที่บ้านดังกล่าว เพื่อขอตัดต้นสักและเก็บผล มะม่วง แต่นายเอกไม่ยอม ให้วินิจฉัยว่า นายเอกหรือนายตรีมีสิทธิในต้นสักและผลมะม่วงดีกว่ากัน 3. ทรัพย์และทรัพย์สินมีความหมายต่างกันอย่างไร 4. องค์ประกอบของส่วนควบมีกี่วิธี อะไรบ้าง

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
ธุรกิจ มหาวิทยาลัย

ช่วยหน่อยยค่ะ

ข้อ 5. บริษัท สามเอ็ม จํากัด ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ ปัจจุบันขายสินค้า 480.000 หน่วย ราคาหน่วยละ 10 บาท ต้นทุนผันแปรหน่วยละ 7 บาท ขายเชื่อภายใต้เงื่อนไข เ/45 ระยะเวลาเก็บหนี้โดยเฉลี่ย 30 วัน กิจการต้องการเพิ่มยอดขาย โดยลดมาตรฐานการให้สินเชื่อ ซึ่งจะทําให้ระยะเวลาเก็บ หนี้ถัวเฉลี่ยเปลี่ยนเป็น 60 วัน และยอดขายเพิ่มชื้นเป็น 600.000 หน่วย ส่วนนโยบายการให้ สินเชื่อเป็น 2110, 45 คาดว่าจะทําให้มีลูกค้าชําระหนี้ภายในระยะเวลาของการให้ส่วนลดเงิน สดถึง 50% ต้นทุนของเงินทุนเท่ากับ 20% ในฐานะที่ท่านเป็นผู้จัดการทางการเงิน ท่านควรเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ เพราะเหตุใด กําหนดให้ 1 ปี มี 360 วัน , บริษัทแสงสูรย์ จํากัด ผลิตแพ้มใส่เอกสารโดยปกติมียอดขายปีละ 10,000 ชิ้น และขายเชื่อ ระยะเวลาในการจัดเก็บหนี้ 36 วัน ต้นทุนคงที่ 120.000 บาท ต้นทุนผันแปรได้หน่วยละ 16 บาท ราคาขายหน่วยละ 40 บาท หนี้สูญ 1% ต่อมาบริษัทต้องการขยายระยะเวลาในการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นเป็น 72 วัน ซึ่งคาดว่าจะ ทําให้ยอดขายสูงขึ้น 10% และมีหนี้สูญเกิดขึ้น 5% ของการขายและต้นทุนผันแปรได้ไม่ เปลี่ยนแปลง ถ้าบริษัทต้องการผลตอบแทนในการลงทุนครั้งนี้ 20% ท่านคิดว่าบริษัทควรตัดสินใจในการ ขยายเครดิตหรือไม่ ไซ การเงินธุรกิจ ย ข้อ 7. บริษัท ซีพีเอ็ม จํากัด ขายสินค้าให้แก่ลูกค้าที่มีมาตรฐานเครดิตดีเท่านั้น ปัจจุบันขายสินค้าได้ #้ 'ปีละ 6,000 เครื่อง ราคาขายเครื่องละ 5,000 บาท มีต้นทุนรวมหน่วยละ 4.000 บาท ต้นทุน คงที่หน่วยละ 1.000 บาท ลูกหนี้ของบริษัทชําระหนี้ภายในระยะเวลาโดยเฉลี่ย 50 วัน มีหนี้สูญ 2% บริษัทต้องการเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นจึงคิดลดมาตรฐานการให้เครดิตลง โดยขายเชื่อให้แก่ ลูกหนี้ที่มีมาตรฐานเครดิตตําด้วย คาตว่าจะทําให้ขายสินค้าได้เพิ่มชื้น 1.200 เครื่อง แต่ใน ขณะเดียวกันลูกหนี้จะชําระหนี้โดยเฉลี่ยเป็น 45 วัน และหนี้สูญเพิ่มชื้นเป็น 4% ค่าของเงิน ลงทุนในลูกหนี้ 20% ให้ท่านวิเคราะห์ในฐานะผู้จัดการทางการเงินว่าควรเปลี่ยนนโยบาย หรือไม่ ข้อ 8. บริษัท ส่งออก จํากัด ปัจจุบันขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ เงื่อนไขชําระหนี้ภายใน 30 วัน บริษัทมี นโยบายที่จะให้ส่วนลดเงินสด (0๐5ก 95๐๐แ๓02 % แก่ลูกค้าที่จะชําระหนี้เร็วขึ้น ปัจจุบันบริษัท มียอดขาย 40,000 หน่วยต่อปี ราคาขายและต้นทุนผันแปรได้หน่วยละ 10 บาท และ 6 บาท จ ตามลําดับ ต้นทุนต่อหน่วย 7.50 บาท ณ ระดับการขาย 40.000 หน่วย บริษัทคาดว่าการ 'ใให้ผลประโยชน์ดังกล่าวจะทําให้ยอดขายสูงขึ้น 15% และระยะเวลาในการเก็บหนี้โดยเฉลี่ยจะ ลดลงจาก 45 วัน เป็น 18 วัน บริษัทคาดว่า 70% ของลูกค้าจะชําระเงินเพื่อวับส่วนลดเงินสด สําหวรับยอดของหนี้สูญไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าบริษัทต้องการผลตอบแทนชั้นตํ๋า 15% จาก การลงทุน บริษัทควรใช้นโยบายดังกล่าวหรือไม่ ข้อ 9. บริษัท กระจกใส จํากัด ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อให้แก่ลูกหนี้ทั่วไป ปัจจุบันขายสินค้าได้ปีละ 3.000,000 บาท ราคาขายหน่วยละ 200 บาท มีต้นทุนคงที่ 750,000 บาท มีกําไร 450,000 บาท ลูกหนี้ชําระภายในระยะเวลาโดยเฉลี่ย 60 วัน มีหนี้สูญ 5% บริษัทต้องการลดอัตราหนี้สูญให้ลดน้อยลง จึงคิดเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับมาตรฐานลูกหนี้ 'โดยจะเพิ่มมาตรฐานลูกหนี้และขายเชื่อให้เฉพาะแก่ลูกหนี้ที่มีเครดิตคีเท่านั้นหากเปลี่ยน มาตรฐานตามนี้ดาคว่าจะทําให้อัตราหนี้สูญลดลง เหลือเพียง 1% แต่จะทําให้ยอดขายลดลง 7 6,000 หน่วย และลูกหนี้ชําระหนี้ภายในระยะเวลา 45 วัน ค่าของเงินทุนในลูกหนี้ 20% หากท่านเป็นผู้จัดการทางการเงิน ท่านจะเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวหรือไม่

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0