ชั้นปี

วิชา

ชนิดของคำถาม

ภาษาไทย มหาวิทยาลัย

ช่วยหน่อยค้าบด่วนๆ

ใบงาน การวิเคราะห์ การประเมินคุณค่าวรรณคดีวรรณกรรม เรื่องลิลิตตะเลงพ่าย รายวิชา ภาษาไทยพื้นฐาน ๔ ๓๒๑๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง ผู้สอน นางอมรรักษ์ วงศ์พุฒิ มาตรฐาน ท ๕.๑ ตัวชี้วัดม.๔-๖/๓ ๑. คำที่ขีดเส้นใต้หมายถึงตัวละครตัวใด ให้นำตัวอักษรหน้าชื่อตัวละครที่กำหนดมา เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ********** & กมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณีตบทมูล ทูลลาให้ลีลาศ 9. ๒. ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลปมหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด ๓. ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแห่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรเทียบทัพหลัง ๔. กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว จงจําคําพ่อไซร้ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง วิเคราะห์และประเมินค่าด้านวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ el. จงประสิทธิ์สมพร 5. โดยกระทรวงพยุหยาตร G. ก. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ข. สมเด็จพระเอกาทศรถ ค. พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ง. พระมหาอุปราชา จ. สมเด็จพระนเรศวรฯ และสมเด็จพระเอกาทศรถ 2. สมเด็จพระนเรศวรฯ และพระมหาอุปราชา ๙. หม่นเศร้า ศรีสลาย อยู่นา ภูบาลอื้นอำนวย จงพ่อลุล่วงได้ ลูกตาย ใครเก็บ คลาดเคล้าคลาสมร สั่งสอน พ่อให้ จักยาตราตรู่เช้า เสด็จคืนเข้านิเวศได้ เกรียมอุระราชไหม้ อวยพระพรเลิศล้น เผด็จด้าวแดนสยาม ผีฝาก พระเอย

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
ภาษาไทย มหาวิทยาลัย

ช่วยสรุปจากเรื่องนี้ให้หน่อยนะคะ สรุปการอ่านเพื่อประเมินค่า จากเรื่องนี้ค่ะ

คำชี้แจง : อ่านเพื่อประเมินค่า ข้อ ๒. เรื่อง มิตรภาพ คนเราล้วนมีคำนิยามในสิ่งที่เหมือนกันต่างกันไป เหมือนกับการมองเหรียญหนึ่งเหรียญแต่มองได้หลายมุม บางคนอาจจะว่ามันมี ความโค้ง บางคนอาจมองว่ามันดูเงาวาววับ บางคนอาจจะว่ามันแข็ง ฉะนั้นแล้วเราไม่ควรมองสิ่งต่างๆ เพียงด้านเดียวและไม่ควรตัดสินใจอะไร ต่างๆด้วยการมองเขาเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับการสร้างมิตรภาพที่นับวันยิ่งหาได้ยาก หากเรามัวแต่มองเขาเพียงด้านเดียว ตัดสินเขาเพราะเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะมีแต่เราเองที่เป็นทุกข์ พุทธศาสนาสอนมนุษย์ทุกคนว่า ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เป็น “อนัตตา” คือความไม่มีตัวตนอย่าคิดอย่าปองว่าทุกสิ่งเป็นของ ตน แม้แต่ร่างกายที่เราว่าเป็นของเราแต่เรายังไม่สามารถบังคับให้ไม่เจ็บไม่ป่วยได้ แล้วนับอะไรกับมนุษย์และสรรพสัตว์รอบกายของเราเล่า เขา มีจิตใจมีความคิดมีความรู้สึกต่างๆ ตามแบบฉบับของมนุษย์ทุกคน เราไม่สามารถไปกำหนดให้เขามาดพเนินตามเส้นทางที่เราขีดไว้ให้ได้อย่าง แน่นอน “สัพเพ ธัมมา อนัตตา สรรพสิ่งเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ เพียงแต่อ่านข้อความนี้ก็ไม่ต้องมีคำนิยามใดๆ ลงมาพ่วงท้ายก็เชื่อว่า หลายคนสามารถตีความข้อความนี้ได้ถูกต้องอย่างแน่นอน ฉะนั้นเรามาสร้างสิ่งต่างๆ รอบกายเพื่อให้เป็นมิตรที่คนเขาเรียกว่ามิตรภาพที่ดีแก่ตัว มิตรภาพไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพื่อนที่เดินไปโรงเรียนหรือที่ทำงานแล้วเจอกันเท่านั้น เพื่อนหรือมิตรภาพนี้ยังหมายถึงสัตว์เลี้ยงของเรา เรากัน ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นกับเราเวลาที่เราเหงา หรือแม้แต่เสาไฟที่คอยส่องแสงสว่างในช่วงเวลากลางคืนที่คอยเป็นเพื่อนที่ดีให้กับคนขับรถอีกด้วย ไม่มีที่ไหนที่เราจะไม่พบคำว่ามิตรภาพ หากมองดูแล้วมันมีความหมายมากกว่าคำนิยามตามพจนานุกรมแน่นอน หลายคนก็หลายความคิด แตกต่าง มิตรเป็นสิ่งที่ยั่งยืนในความหมายของมัน แต่ในทางกลับกันมิตรภาพกับเป็นสิ่งที่ไม่จีรังเอาเสียเลย เราลองมองรอบกายตัวเองดูแล้ว รอบกายของเรากลับไม่เคยเหมือนเดิมเลยสักวัน เหมือนกันการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ที่แต่ละวันเราต้องเปลี่ยนคนรู้จักร มิตรภาพ การเดินทาง ไปเรื่อย ๆ แต่ภาพของมิตรภาพความทรงจำเก่าๆก็ยังติดอยู่ที่ตรงนี้ที่เรียกว่า จิตใจ ช่วงเวลาที่หลายคนเรียกมันว่า “จุดเปลี่ยน” วัยไหนๆหรือวันไหนๆก็มีจุดเปลี่ยนกันทั้งนั้นไม่มีใครสามารถล่วงรู้อนาคต ที่จะเกินกับเราได้ เราทำได้ดีที่สุดเพียงเดินตามอย่างระมัดระวังเท่านั้น จุดเปลี่ยนนั้น ต่างศาสตร์ต่างความคิดกันไป ตามกฎหมาย แล้วเมื่อถึงอายุที่กำหนดก็จะเปลี่ยนสถานภาพ จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ เป็นนางสาวเพียงข้ามวัน แล้วเปลี่ยนเด็กชายเป็นนายโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าตามระบบการศึกษาก็คือเปลี่ยนทุกปีที่จบการศึกษาคือปีก่อนยังเป็นนักเรียนชั้นม.5 แล้วปีนี้ไหนกลายเป็นชั้นม.6 แล้ว รวดเร็ว เหลือเกิน สิ่งที่ผ่านมาสอนอะไรเราบ้าง ทั้งความสุข ความทุกข์ อารมณ์เหงา ดีใจ ซาบซึ้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนสอนเราผ่านคำว่ามิตรภาพ ท้งนัน หลายคนอาจเจอมิตรภาพที่ดีมาโดยตลอด กับอีกบางคนที่เจอแต่มิตรภาพที่หลอกลวงอยู่ตลอดเช่นเดียวกัน คนเคย กล่าวว่าเพื่อนเป็นกระจกส่องถึงตัวเรา ก็เหมือนเราอยู่ใกล้ใครคนคนนั้นก็จะเริ่มเปลี่ยน เราก็เริ่มเปลี่ยน จนคล้ายจะเป็นคนที่มีนิสัย ใจคอเดียวกันไปซะแล้ว หากเราเจอแต่เพื่อนที่ดี มิตรภาพที่ยั่งยืน ตัวเราเองก็มีความสุขไปด้วย แต่บางคนเจอเพื่อนที่ดีกลับผลักไส เขาออกห่างจากชีวิตด้วยทิฐิ ต่างๆที่มันเกิดขึ้นกับจิตใจเราด้วยคิดว่าเขาต่างเรา เข้ากันไม่ได้หรอก แล้วเหตุผลสารพัดมารวมกันโดย มิได้นัดหมาย จนสิ่งๆนั้นได้หลุดลอยออกไปจากชีวิต แล้วมันก็เกิดจุดเปลี่ยนตามสถานะภาพของมัน เพื่อนสัมพันธภาพตัดกันไม่ขาด คำนี้ไม่มีใครเถียง แต่บางทีเพื่อนที่ต้องการเวลาในการรักษาจิตใจที่บอบช้ำเหมือนกัน มิตรภาพไม่ได้มีแค่สิ่งสองสิ่งรอบตัวเราแต่มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา เราลองมองแล้วคิดทบทวนให้เวลากับคำว่า มิตรภาพรอบตัวของเราให้มากกว่านี้ ให้ความเข้าใจ เห็นความเป็นไปเท่านั้น แล้วเชื่อว่าอนาคตหรือทุกวันก็เป็นวันที่เราจะก้าวย่าง ไปข้างหน้าพร้อมความมั่นใจ ด้วยกำลังใจจาก “มิตรภาพ” (ปรนันท์ สีบพิมพา, JANUARY ๑๖, ๒๐๑๒)

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
ภาษาไทย มหาวิทยาลัย

ช่วยหน่อยคะ ไม่เข้าใจ

รายวิชา GELA101 ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร หน่วยกิต 3 (3-0-6) กลุ่มที่ 356 ผู้สอน: อาจารย์ครไพ นับสิบ งานรายบุคคล เขียนตอบใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านสิบข้อ แบบฝึกหัดการอ่านจับใจความสำคัญ ข้อที่ 1) ร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นสิ่งขัดขวางในการรู้รสอย่างมาก ถ้ามิตรไม่เคยกินอาหารร้อนจัดก็แสดงว่า มิตรไม่เคยรู้รสอาหารทุกรสในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเอาก้อนน้ำแข็งวางบนลิ้น ตอนแรกจะรู้สึกเย็น แต่ลิ้น ไม่รู้รสจนกว่าจะได้รับความอบอุ่น นั่นคือลิ้นจะรู้รสต่อเมื่อน้ำแข็งที่ใส่บนลิ้นละลาย (1 คะแนน) ใจความสําคัญ คือ ข้อที่ 2) แมลงได้ชื่อว่าเป็นนักสถาปนิก และนักก่อสร้างมานานก่อนที่มนุษย์จะรู้จักคิดสร้างบ้านเสียอีก ปลวกรู้จักสร้างตึกระฟ้า ตัวต่อรู้จักผสมดินก่อปูน ตัวแก้วรู้จักในเส้นไหมเป็นที่อยู่ มารู้จักสร้างอาณาจักร และเมืองหลวงเป็นสัดส่วน และที่น่าประทับใจก็คือ การรู้จักสร้างบ้านของแมลงเหล่านี้ แมลงทำไปโดย สัญชาตญาณทั้งสิ้น 11 คะแนน) ใจความสำคัญ คือ ข้อที่ 3) คาเวียร์ ไม่ใช่ชื่อปลาแต่เป็นชื่อไข่ปลาชนิดที่เอามาดองเค็มแล้ว และไข่ปลาที่จะนำมาดองเค็มได้ นั้นไม่ใช่ใช้ได้ทุกชนิด ชนิดที่มาทำไข่คาเวียร์ต้องเป็นปลาใหญ่ชนิดโบราณมีอายุมาในโลกตั้ง ๔๐๐ ล้านปี สมัยยุคเดโวเนียนนั่นแหละครับ ปลาโบราณ เรียกกันว่า ปลาสเตอร์เจียน (1 คะแนน) ใจความสําคัญ คือ ข้อที่ 4) ชายผู้หนึ่งขับเกวียนไปในป่า ลูกล้อเกวียนตกหล่มลึก ควายลากไปไม่ไหว ชายผู้นั้นกลัวจะมืดค่ำอยู่ กลางทาง จึงบนบานขอให้เทวดาช่วย ในขณะนั้นเทวดาที่เป็นเจ้าป่าลงมาบอกแก่ชายผู้นั้นว่า “จะยืนดูอยู่ทำไม อีกเล่า จงเอาบ่าแบกล้อเข้าแล้วเงี่ยนควายให้เดิน ลูกล้อก็จะเคลื่อนที่ขึ้นจากหล่มได้ การที่ร้องโวยวายไป เสียก่อนยังไม่ทันจะได้ลองกำลังของตนให้เต็มฝีมือดังนี้ จะให้ใครเขามีแก่ใจช่วยเจ้าได้” (1 คะแนน)

รอคำตอบ จำนวนคำตอบ: 0
1/6